นายปกรณ์ นิลประพันธ์
                                                            กรรมการร่างกฎหมายประจำ
                                                                  (นักกฎหมายกฤษฎีกาทรงคุณวุฒิ)
                                                                สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
บันทึกหลักการและเหตุผลประกอบ
ร่างพระราชบัญญัติการพิจารณาทบทวนความเหมาะสมของกฎหมาย
พ.ศ.
....
หลักการ
                   ให้มีกฎหมายว่าด้วยการพิจารณาทบทวนความเหมาะสมของกฎหมาย
เหตุผล
                   โดยที่กฎหมายเป็นกฎเกณฑ์ที่ใช้บังคับแก่สังคม ประกอบกับปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลกระทบต่อความต้องการของสังคม เช่น ทัศนคติของมหาชนในเรื่องต่าง ๆ พัฒนาการทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและการสื่อสาร สภาพทางเศรษฐกิจ การเมืองการปกครอง
สิ่งแวดล้อมทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ตลอดจนพันธกรณีระหว่างประเทศ เป็นต้น
มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
ประเทศที่พัฒนาแล้วจึงดำเนินการให้มีการพิจารณาทบทวนความเหมาะสมของบทบัญญัติของกฎหมายอยู่เสมอ
เพื่อให้บทบัญญัติของกฎหมายสอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลง
แต่ที่ผ่านมาประเทศไทยไม่มีมาตรการที่กำหนดให้ต้องมีการพิจารณาทบทวนความเหมาะสมของบทบัญญัติของกฎหมายอย่างสม่ำเสมอ
กฎหมายจำนวนมากจึงมีบทบัญญัติที่ไม่สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
กลายเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศและการยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศโดยรวม
กรณีจึงสมควรกำหนดให้ผู้รักษาการตามกฎหมายต่าง ๆ มีหน้าที่จัดให้มีการพิจารณาทบทวนความเหมาะสมของกฎหมายทุกฉบับทุกรอบระยะเวลา
และเพื่อให้การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปอย่างต่อเนื่องและจริงจัง
สมควรกำหนดให้ถือว่าผู้รักษาการตามกฎหมายซึ่งไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้จงใจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่  จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
ร่าง
พระราชบัญญัติ
การพิจารณาทบทวนความเหมาะสมของกฎหมาย
พ.ศ. ....
.........................................
.........................................
.........................................
                   ..........................................................................
..........................................
                   โดยที่เป็นการสมควรมีกฎหมายว่าด้วยการพิจารณาทบทวนความเหมาะสมของกฎหมาย
                  ...........................................................................
..........................................
                   มาตรา ๑  พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติการพิจารณาทบทวนความเหมาะสมของกฎหมาย พ.ศ. ....”
                   มาตรา ๒  พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
                   มาตรา ๓  ในพระราชบัญญัตินี้
                   “กฎหมาย” หมายความว่า
พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติ และกฎตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
                   “รัฐมนตรีผู้รักษาการตามกฎหมาย”
หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัติหรือพระราชกฤษฎีกา และให้หมายความรวมถึงประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญผู้รักษาการตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ และรัฐมนตรีผู้ออกกฎตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองด้วย
                    “องค์กรที่เกี่ยวข้อง”
หมายความว่า นิติบุคคลที่มีลักษณะเป็นสมาคม
มูลนิธิ หรือสภาที่จัดตั้งขึ้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หรือตามกฎหมายเฉพาะ
                   “คณะกรรมการพัฒนากฎหมาย” หมายความว่า
คณะกรรมการพัฒนากฎหมายตามกฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการกฤษฎีกา 
                   มาตรา ๔  เพื่อให้บทบัญญัติของกฎหมายสอดคล้องกับสถานการณ์ภายในประเทศและต่างประเทศที่มีความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ให้รัฐมนตรีผู้รักษาการตามกฎหมายจัดให้มีการพิจารณาทบทวนความเหมาะสมของกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
เมื่อรัฐมนตรีผู้รักษาการตามกฎหมายนั้น
                   (๑) เห็นว่ามีเรื่องที่จะต้องมีการปรับปรุงกฎหมายนั้นตามมาตรา
๕
                   (๒) ได้รับการร้องเรียนจากองค์กรที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายนั้น
                   (๓) ได้รับข้อเสนอแนะจากคณะกรรมการพัฒนากฎหมาย
                   กฎหมายใดที่รัฐมนตรีผู้รักษาการตามกฎหมายไม่ได้รับหนังสือร้องเรียนหรือข้อเสนอแนะตามวรรคหนึ่ง
ให้รัฐมนตรีผู้รักษาการตามกฎหมายนั้นทุกรอบระยะเวลาห้าปีนับแต่วันที่
๑ มกราคม ๒๕๕๘ เป็นต้นไป  ทั้งนี้
เว้นแต่กฎหมายนั้นจะบัญญัติเกี่ยวกับระยะเวลาการพิจารณาทบทวนความเหมาะสมของกฎหมายไว้เป็นอย่างอื่น
                   การดำเนินการตามวรรคหนึ่ง
รัฐมนตรีผู้รักษาการตามกฎหมายจะจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกฎหมายนั้นและประชาชนทั่วไปประกอบด้วยก็ได้
                   มาตรา ๕  ในการพิจารณาทบทวนความเหมาะสมของกฎหมาย ให้รัฐมนตรีผู้รักษาการตามกฎหมายพิจารณาในเรื่องดังต่อไปนี้
                   (๑) การปรับปรุงกฎหมายเพื่อลดผลกระทบและภาระของรัฐและประชาชนที่เกิดขึ้นจากกฎหมายนั้น
                   (๒)
การปรับปรุงกฎหมายให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ สังคม การเมืองการปกครอง วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี
และสิ่งแวดล้อมทั้งของประเทศและของโลกที่เปลี่ยนแปลงไปเพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน
                   (๓)
การปรับปรุงกฎหมายให้สอดคล้องกับพันธกรณีระหว่างประเทศที่ประเทศไทยต้องปฏิบัติตามภายใต้บังคับกฎหมายระหว่างประเทศ
                   (๔) การใช้ระบบคณะกรรมการ การอนุมัติ
การอนุญาต ใบอนุญาต และระบบการจดทะเบียนเพียงเท่าที่จำเป็น 
                   (๕)
การให้บริการแบบจุดเดียวเบ็ดเสร็จได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
                   (๑) ภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่มีกรณีตามมาตรา
๔ วรรคหนึ่ง
                   (๒) ภายในวันที่ ๓๐ มิถุนายน
ของปีถัดจากปีที่ครบรอบระยะเวลาตามมาตรา ๔ วรรคสอง
                   ในกรณีที่ปรากฏว่าสมควรต้องมีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย
ให้รัฐมนตรีผู้รักษาการตามกฎหมายจัดทำข้อเสนอแนะเพื่อแก้ไขปรับปรุงกฎหมายนั้นไว้ในรายงานตามวรรคหนึ่งด้วย 
กฎหมายใดไม่มีการใช้บังคับเกินสามปี ให้รัฐมนตรีผู้รักษาการตามกฎหมายชี้แจงเหตุผลการไม่ใช้บังคับกฎหมายนั้นโดยละเอียดไว้ในรายงานตามวรรคหนึ่งด้วย และให้เสนอยกเลิกกฎหมายนั้นเสีย
กฎหมายใดไม่มีการใช้บังคับเกินสามปี ให้รัฐมนตรีผู้รักษาการตามกฎหมายชี้แจงเหตุผลการไม่ใช้บังคับกฎหมายนั้นโดยละเอียดไว้ในรายงานตามวรรคหนึ่งด้วย และให้เสนอยกเลิกกฎหมายนั้นเสีย
                   มาตรา ๗  ในการพิจารณารายงานสรุปผลการพิจารณาทบทวนความเหมาะสมของกฎหมาย คณะรัฐมนตรีอาจขอให้คณะกรรมการพัฒนากฎหมายพิจารณาให้ความเห็นหรือข้อเสนอแนะเพื่อประกอบการพิจารณาก็ได้
                   ในกรณีที่เห็นสมควร
คณะกรรมการพัฒนากฎหมายจะเสนอสรุปสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญหรือพระราชบัญญัติดังกล่าว
หรือจะจัดทำร่างเบื้องต้นของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญหรือพระราชบัญญัตินั้น
เสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อประกอบการพิจารณาด้วยก็ได้
                   มาตรา ๘  เมื่อคณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการพิจารณาทบทวนความเหมาะสมของกฎหมายใดแล้ว ให้มีหนังสือแจ้งรายงานดังกล่าวต่อรัฐสภาและผู้ตรวจการแผ่นดินเพื่อทราบด้วย และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเผยแพร่รายงานนั้นในระบบเครือข่ายสารสนเทศของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
                   ในกรณีที่องค์กรที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายเป็นผู้ร้องเรียนให้มีการพิจารณาทบทวนความเหมาะสมของกฎหมายตามมาตรา ๔ (๒) ให้รัฐมนตรีผู้รักษาการตามกฎหมายมีหนังสือแจ้งให้องค์กรดังกล่าวทราบภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งมติคณะรัฐมนตรีตามวรรคหนึ่ง
                   มาตรา ๙  บรรดากฎหมายที่มีผลใช้บังคับภายหลังจากวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ หากมิได้บัญญัติเกี่ยวกับระยะเวลาการพิจารณาทบทวนความเหมาะสมของกฎหมายไว้เป็นอย่างอื่น ให้รัฐมนตรีผู้รักษาการตามกฎหมายจัดให้มีการพิจารณาทบทวนความเหมาะสมของกฎหมายนั้นตามพระราชบัญญัตินี้ทุกรอบระยะเวลาห้าปีนับแต่วันที่กฎหมายนั้นใช้บังคับ 
                   มาตรา ๑๐  รัฐมนตรีผู้รักษาการตามกฎหมายผู้ใดไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้
ให้ถือว่าจงใจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
                   มาตรา ๑๑  ในวาระเริ่มแรก ให้รัฐมนตรีผู้รักษาการตามกฎหมายแต่ละฉบับจัดให้มีการพิจารณาทบทวนความเหมาะสมของกฎหมายเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาภายในวันที่
๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘
                   มาตรา ๑๒  ให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
.................................
        นายกรัฐมนตรี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น