อายุห้าสิบขึ้นนี่กลายเป็นคนธุระเยอะครับ
ธุระที่ว่านี่ก็หนีไม่พ้นการไปพบนักรบเสื้อขาวนั่นแหละ ไปเกือบทุกอาทิตย์จนรู้สึกว่าเขาน่าจะให้บริการห้องพักไปพร้อมกันด้วย ศุกร์เย็นเลิกงานก็ไปพักที่โรงพยาบาลเลยไม่ต้องกลับบ้าน เช้าวันเสาร์ตื่นมาจะได้นวยนาดลงไปพบหมอได้สบาย ๆ ยิ่งถ้าใกล้จะถึงคิวแล้วมีบริการโทรเรียกด้วยนี่ก็จะเยี่ยมไปเลย ไม่ต้องไปแออัดรอคิวนานเสี่ยงติดเชื้อโรคติดต่อบรรดามี
ที่สำคัญคือไม่ต้องรีบตื่นเช้าในวันหยุดเพื่อขับรถมาโรงพยาบาล กว่าจะหาที่จอดรถได้ กว่าจะถึงคิว กว่าจะจ่ายสตางค์ และกว่าจะฝ่าฟันรถติดวันเสาร์กลางวันไปถึงบ้านก็ฟาดวันหยุดผมไปครึ่งค่อนวันแล้ว
เหลือได้หยุดจริง ๆ แค่วันครึ่งเป็นอย่างมากเท่านั้น
ถ้าโรงพยาบาลไหนมีบริการแบบนี้บอกผมด้วยนะครับ จะขอไปเป็นคนไข้ที่นั่น อย่างน้อยสุขภาพจิตคงจะดีขึ้น
ไปพบนักรบเสื้อขาวเสร็จก็ไปทำธุระอื่นต่อ สุดท้ายก็วนลูบมาจอดอยู่ใกล้ ๆ ร้านกาแฟโบราณเคลื่อนที่ของพี่คนขายที่เคยเล่าให้ฟังมาแล้วหนหนึ่ง
ลูกค้ายังคงเนืองแน่นดังเดิม โควิดทำอะไรพี่เขาไม่ได้จริง ๆ ต้องมีเคล็ดลับ นอกจากอัธยาศัยไมตรีอันดีงามและราคาที่คบได้แล้ว มันต้องมีเสน่ห์ปลายตะบวยด้วยแน่ ๆ
คิดได้ดั่งนั้นจึ่งลอบสังเกตสูตรลับของพี่เขาทันที กะว่าจะเอามาทำเลี้ยงตัวบ้างเพราะใกล้เกษียณแล้ว
จากการสังเกตพบว่าพี่เขาจะมีแก้วที่ใช้ผสมเครื่องปรุงเลิศรสอยู่แก้วหนึ่ง มันคือแก้วใส่กาแฟดำหรือชาร้อนตามร้านกาแฟของอาแปะสมัยผมเด็ก ๆ
สารตั้งต้นที่พี่เขาใส่ลงไปก้นแก้วคือนมข้นหวาน 2 ช้อนพูน ๆ ตามด้วยน้ำตาลทรายเม็ดใหญ่ ๆ สีออกน้ำต๊าลน้ำตาล (คือไม่ขาว) อีก หนึ่ง สอง สาม สี่ ครับ สี่ช้อนชา แถมช้อนของพี่เขามันเหมือนกับช้อนตักไอติมกระทิรวมมิตรโรยถั่วเมื่อผมยังละอ่อน ซึ่งจะใหญ่กว่าช้อนชามาตรฐานตามร้านกาแฟหรู ๆ หรือในโรงแรมต่าง ๆ หลังจากนั้นจึงผสมน้ำชา กาแฟ โกโก้ ไมโล โอวัลตินลงไป ถ้าเป็นนมเย็นนี่พี่เขาผสมใส่โถไว้แล้ว ซึ่งพบว่าพี่เขาเอานมข้นหวานหนึ่งกระป๋องผสมกับน้ำร้อนจากหม้อต้มน้ำ แล้วใส่น้ำหวานขวดสีชมพูลงไปทีละครึ่งขวดครับ
ที่ว่านั่นลูกค้าเรียกว่า “หวานปกติ” นะครับ ถ้าเพิ่มหวานละก็จะใส่น้ำตาลทรายลงไปอีก 2 ช้อนครับ มันคงหวานชื่นใจน่าดู ดีนะที่พี่เขายังไม่มีบริการเสริมพวกวิปครีม คาราเมล คงหวานจนขนลุกทีเดียว
หลังจากสังเกตได้ถึงแก้วที่สิบสองก็เสร็จธุระพอดี เลยไม่ได้สังเกตต่อและขับรถออกมาอย่างหล่อ ๆ เหมือนเจมส์ บอนด์
แน่นอนพี่เขาคงไม่รู้ตัวว่าถูกล้วงความลับเข้าให้แล้ว
แน่นอนพี่เขาคงไม่รู้ตัวว่าถูกล้วงความลับเข้าให้แล้ว
มานึกดูว่าตอนนี้เรากำลังต่อสู้กับโควิดซึ่งเป็นโรคระบาดร้ายแรง จึงดูแลกันเข้มข้นเพราะเป็นถ้าติดแล้วมีโอกาสเสียชีวิตสูงในระยะเวลาอันสั้น เรากลัว Superspreader มากเพราะถ้ามีเข้าสักคน โรคจะระบาดในวงกว้างมาก มากเสียจนตอนนี้ไม่ค่อยมีการพูดถึง “โรคไม่ติดต่อ” กันเลย
อย่างกรณีร้านกาแฟโบราณที่ผมเล่าข้างต้น ผมก็ว่าพี่เขาเป็น Superspreader ของโรคไม่ติดต่อได้เหมือนกันนะ โดยเฉพาะ “โรคเบาหวาน” กินกาแฟใส่น้ำตาลทีละ 4 ช้อน แถมรวมนมข้นอีก 2 ช้อน ตอนกินมันคงหวานเย็นชื่นใจแหละ แต่ถ้ากินบ่อย ๆ นานเข้าคนกินก็เสี่ยงที่จะเป็นโรคเบาหวานโดยไม่รู้ตัว ซึ่งเมื่อเป็นแล้วนี่รักษากันยาวนานนะครับ โอกาสหายนี่แทบจะไม่มีเลยด้วยซ้ำ แถมต้องรักษาโรคที่พ่วงมากับเบาหวานอีกสี่ซ้าห้าโรคด้วย ค่าใช้จ่ายในการรักษารวม ๆ กันเยอะมากกว่าค่าใช้จ่ายในการรักษาโควิดด้วยมั้ง
หลังจากโควิดแล้ว เราคงต้องมาเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้ในเชิงรุกเพื่อรักษาสุขภาพของพี่น้องประชาชนให้พ้นจากโรคไม่ติดต่อด้วย คงต้องเริ่มต้นจากร้านกาแฟอย่างพี่เขานี่แหละ จะได้ลด Superspreader แล้วคงต้องให้ความรู้แก่ประชาชนอย่างจริงจังอย่างที่ทำกับโควิดด้วย
เพราะรัฐมีหน้าที่ต้อง “เสริมสร้างให้ประชาชนมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค” ตามมาตรา 55 วรรคหนึ่ง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เพื่อ “ความผาสุกของประชาชนโดยรวม” นั่นเอง
เรามาลดหวานกันเถอะครับ.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น