เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาผู้เขียนมีภารกิจต้องเดินทางไปบรรยายพิเศษที่ต่างจังหวัด จึงมีโอกาสใช้บริการท่าอากาศยานดอนเมืองที่ตอนนี้กลับมาคลาคล่ำไปด้วยผู้คนอีกครั้งหนึ่งเพราะโลว์คอสต์แอร์ไลน์มาเบสที่นี่กัน
ขณะนั่งรออยู่ที่เกตในช่วงเย็น ผู้เขียนสังเกตว่ามีเด็กหนุ่มสาวจากต่างจังหวัดใช้บริการสายการบินมาก หลายคนมากับผู้ปกครอง หลายคนเดินทางคนเดียว แม้จะดูเหนื่อยล้า แต่ทุกคนก็วุ่นวายอยู่กับโทรศัพท์ของตัวเอง หลายคนมีหูฟังครอบไว้ราวกับจะตัดขาดจากโลกวุ่นวายที่รายล้อม
ฟังเด็กกลุ่มที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ กับผู้เขียนคุยกัน จึงได้ความว่าเขามาจากจังหวัดต่าง ๆ กัน แต่บินมาเรียนพิเศษกันที่กรุงเทพฯ บ้างก็มาวันศุกร์ บ้างก็มาวันเสาร์ กลับอาทิตย์เย็น ทำอย่างนี้เป็นปกติธุระ
ด้วยความเผือก ผู้เขียนจึงย้ายที่นั่งไปตามมุมอื่น ๆ ที่มีเด็ก ๆ ชุกชุม ปรากฏว่าหูไม่ฝาด เพราะได้ความอย่างเดียวกัน
ใจหายนะครับที่ได้เห็นและได้ยินอย่างนี้ ที่ใจหายเพราะข้อเท็จจริงนี้เป็นตัวชี้วัดว่าความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาและสติปัญญาของเด็กไทยก้าวไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว
ยิ่งนานวัน ช่องว่างระหว่าง "คนมี" กับ "คนไม่มี" ดูจะกว้างขึ้นเรื่อย ๆ
การเรียนในระบบดูเหมือนจะดี เพราะมีโรงเรียนดัง ๆ เยอะ .. แต่เด็กเกือบทั้งหมด ไม่ว่าจากโรงเรียนดังหรือไม่ดัง ต้องพึ่งพาอาศัยบริการสอนพิเศษ ... และพัฒนามาถึงขั้นบินมาเรียนพิเศษกันแล้ว ... นี่มันอะไรกัน!!!
จะว่าไปมันไม่ใช่เรื่องของ "ความมี" กับ "ความไม่มี" เพราะเด็กทุกคนควรต้องได้รับบริการด้านการศึกษาที่มีคุณภาพ "เท่าเทียมกัน" ส่วนว่าเด็กคนไหนจะรับได้มากน้อยเพียงใด ก็สุดแต่ว่าเด็กมีบุคลิกภาพ ศักยภาพ และความถนัดในทางใด ไม่ใช่่ "คนมี" มีโอกาสมากกว่า "คนไม่มี" เช่นนี้
เราก้าวพลาดไปแล้ว แต่ดูเหมือนพวกเราไม่ยอมรับว่าเราก้าวพลาด และยังดื้อดึงที่จะเดินตามทางนี้ต่อไป ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลง สังคมและประเทศชาติของเราจะเป็นอย่างไร
อย่ามัวแต่ทำแผนบนแผ่นกระดาษ อย่ามัวพูด ... ช่วยกันลงมือทำเถิดผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้อง
ถ้าไม่ทำ เท่ากับคนรุ่นเรากำลังทำลายคนรุ่นถัด ๆ ไปด้วยตัวของเราเอง
ถ้าคิดไม่ออก ลองเปิดรับฟังความคิดเห็นของพี่น้องประชาชนครับ
ผมว่าเราช่วยกันคิดได้.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น