วันเสาร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2560

การพัฒนาองค์กร โดย นายปกรณ์ นิลประพันธ์

การพัฒนาองค์กรเป็นเรื่องปกติ เหตุผลไม่มีอะไรมาก ก็เพราะบริบทหรือสถานการณ์มันเปลี่ยนแปลงไป ถ้าไม่มีการพัฒนา ติดเสียแต่ว่ามันดีอยู่แล้วร่ำไป องค์กรก็หยุดอยู่กับที่ คิดแบบเดิม ทำแบบเดิม ในขณะที่สภาพแวดล้อมต่าง ๆ มันเปลี่ยนไปหมดแล้ว การทื่อมะลื่อขององค์กรนั้นอาจทำให้องค์กรและคนในองค์กรอยู่ต่อไปได้สบาย ๆ แต่ประสิทธิภาพและประสิทธิผลจะน้อยลงไปเรื่อย ๆ

ถ้าเป็นองค์กรของภาคเอกชน การไม่ปรับตัวอาจทำให้เจ๊งได้ แต่ถ้าเป็นองค์กรภาครัฐ องค์กรไม่เจ๊ง เพราะดำรงอยู่ได้จากงบประมาณที่ประชาชนผู้เสียภาษีชำระภาษีไปให้ ไม่ต้องหารายได้เองอย่างเอกชนเขา แต่ประเทศอาจเสียหายเพราะองค์กรมีประสิทธิภาพเท่าเดิมในขณะที่บริบทมันเปลี่ยนไปแล้ว

ด้วยเหตุนี้ การพัฒนาองค์กรในภาคเอกชนจึงปุ๊บปับฉับไวและเกิดขึ้นบ่อย ๆ ทั้งโครงสร้างองค์กร วิธีทำงาน แม้กระทั่งประเภทของธุรกิจ ในทางตรงข้าม การพัฒนาองค์กรในภาครัฐเป็นไปอย่างยากเย็นแสนเข็ญ เพราะไม่มีใครอยากลด comfort zone ของตัวเอง เคยสบายอย่างไร ก็อยากสบายอย่างนั้นต่อไป ไม่ได้คิดถึงประโยชน์ส่วนรวมว่าถ้าเราพัฒนาขึ้น บ้านเมืองก็จะพัฒนาตามไปด้วย เพราะภาครัฐเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง (Change agent) ของประเทศ

ในภาคเอกชน ถ้ามีการปรับโครงสร้าง ก็มักจะมีการปรับลดจำนวนผู้บริหารหรือพนักงานที่ไม่จำเป็นหรือที่ไร้ประสิทธิภาพลง ถ้ามีกรณีเช่นนี้ เขาก็จ่ายค่าชดเชยให้ตามที่กฎหมายกำหนด ก็จบกันไป ไม่เห็นมีใครมาโยเยว่าการปรับโครงสร้างองค์กรขัดหลักนิติธรรมหรือหลักธรรมาภิบาล พนักงานอย่างฉันจะต้องอยู่ต่อไป ไม่มีใครยกว่าการปรับโครงสร้างองค์กรเป็นการลงโทษพนักงานที่เข้ามาโดยชอบ เป็นการรังแกกัน ไม่มี 

แต่ในภาครัฐนั้น เมื่อใดก็ตามที่จะต้องมีการพัฒนาองค์กรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและต้องมีการปรับโครงสร้างองค์กร จะมีผู้คัดค้านเสมอ ยกหลักนู่นหลักนี่ขึ้นอ้างเพียงเพราะผู้ได้รับผลกระทบกลัวจะเสียสถานะและ comfort zone ของตัวเองไป โดยเฉพาะข้ออ้างที่ว่าฉันไม่ได้ทำผิด จะมาปลดมาย้ายฉันไม่ได้ ไม่เป็นธรรม ฉันเข้ามาถูกต้อง จะมาปลดมาย้ายฉันได้อย่างไร จะมาอ้างว่าเพื่อพัฒนาองค์กรกับฉันไม่ได้หรอกนะ มันไม่มีเหตุผล นี่รังแกกันหรืออย่างไร ฯลฯ เป็นยังงั้นไปอีก 

จริงครับที่ว่าท่านไม่ได้ทำอะไรผิด การปลดการย้ายท่านก็ไม่ใช่เพราะท่านทำผิด มันไม่ใช่การลงโทษ แต่มันเป็นส่วนหนึ่งของ "กระบวนการพัฒนาองค์กร" ซึ่งทำไป "เพื่อประโยชน์สาธารณะ" คือทำให้องค์กรมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งถ้าทำไม่ได้ ก็แสดงว่าประโยชน์สาธารณะไม่มีความหมาย หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่า comfort zone ของท่านสำคัญกว่าประโยชน์สาธารณะ ซึ่งไม่น่าจะถูกต้อง และที่สำคัญการกล่าวอ้างเช่นนั้นทำให้สังคมเข้าใจผิดและอาจสร้างปัญหาขึ้นในสังคมได้

ในทัศนะของผู้เขียน การพัฒนาองค์กรของภาครัฐเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำ และต้องทำในอัตราเร่งที่ไม่ต่ำกว่าภาคเอกชนด้วย มิฉะนั้นองค์กรภาครัฐจะนำการเปลี่ยนแปลงไม่ได้ กฎระเบียบและวิธีการพัฒนาองค์กรภาครัฐให้มีประสิทธิภาพต้องไม่เป็นเครื่องฉุดรั้งการพัฒนาองค์กรเสียเอง และต้องมีความโปร่งใส เป็นธรรม 

ที่สำคัญคือทุกองค์กรมีภารกิจที่แตกต่าง มีปัญหาที่แตกต่าง การพัฒนาองค์กรแต่ละองค์กรจึงมีแนวทางที่แตกต่างกันไปตามสภาพของแต่ละองค์กร  ดังนั้น จะใช้วิธีเดียวกันในการพัฒนาองค์กรที่แตกต่างกันมันไม่ได้หรอกครับ ปัญหามันคนละอย่างกัน ไม่ใช่แบบมาตรฐาน ระบบ one size fits all นั้นใช้ไม่ได้หรอกครับ 

ภาษากฎหมายเขาบอกว่า similar similibus curantor คือให้เปรียบเทียบในสิ่งที่สามารถเปรียบเทียบกันได้เท่านั้น ถ้าลายละเอียดมันไม่เหมือนกัน เขาว่าเอาไปเปรียบเทียบหรือลอกกันเลยครับ มันคนละเรื่องกัน.


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น