บางส่วนจากหนังสือ
"ความในใจของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐"
จุดเริ่มต้นของ
“ความประทับใจ”
ของผมในการทำงานในฐานะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญหรือที่ใครต่อใครเรียกเราสั้น ๆ ว่า
“กรธ.” นั้นเกิดขึ้นจาก “ความระทึกใจ” เพราะก่อนหน้าที่จะมีการแต่งตั้ง กรธ.
นั้นคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญเพิ่งประสบชะตากรรมอันโหดร้ายไปหยก ๆ ซึ่งนับเป็นโศกนาฏกรรรมครั้งใหญ่สำหรับนักวิชาการและผู้มีความมุ่งมั่นตั้งใจทำงานเพื่อบ้านเมือง
หลังจากนั้นก็มีข่าวหนาหูขึ้นเรื่อย
ๆ ว่าจะมีการตั้ง กรธ. มายกร่างรัฐธรรมนูญใหม่เพื่อเป็นหลักชัยของประเทศชาติโดยมีท่านมีชัย
ฤชุพันธุ์ เป็นประธาน
ผมเองก็ไม่ได้คิดว่าจะได้รับแต่งตั้งอะไรกับใครเขาเพราะพรรษาน้อยนัก
ยิ่งคิดถึงชะตากรรมของชุดก่อนด้วยแล้วยิ่งหวาดหวั่น
จนเมื่อวันหนึ่งท่านประธานมีชัยฯ มาประชุมที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและเรียกผมไปพบ
ท่านบอกสั้น ๆ ที่ผมจำติดหูมาจนบัดนี้ว่า “ถ้าผมต้องไปช่วยเขาทำร่างรัฐธรรมนูญ
ปกรณ์ไปช่วยผมนะ” ผมก็ “ครับ” อย่างเคยชินเพราะคิดว่าท่านคงให้ไปช่วยค้น ช่วยเขียน
เหมือนที่ท่านใช้งานผมอยู่ที่กฤษฎีกา คงไม่มีอะไร
อีกไม่กี่วันต่อมาท่านเรียกผมไปอีกแล้วถามว่าผมกับบอย
(คุณธนาวัฒน์ สังข์ทอง) ใครอาวุโสกว่ากัน ผมก็เรียนท่านว่าผมครับ ท่านบอกว่า
“งั้นปกรณ์เป็นเลขานุการคนที่ ๑ และบอยเป็นเลขานุการคนที่ ๒ นะ” ผมก็ “ครับ” ง่าย
ๆ อีก ยังใจเย็น เพราะคิดว่าเลขานุการไม่ต้องเป็นกรรมการก็ได้ เป็นเลขานุการเฉย ๆ ช่วยค้นคว้า
ช่วยทำงานวิชาการ ช่วยยกร่างปรับร่างเสนอกรรมการแบบที่ทำอยู่ที่กฤษฎีกา
จนเมื่อมีประกาศแต่งตั้งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญออกมานั่นแหละจึงรู้ว่ามันไม่ตรงกับที่คิด
และยังงงว่าจะทำยังไงดีกับชีวิต
เพราะเคยแต่ร่างพระราชบัญญัติซึ่งเป็นการกำหนดหลักการในการจำกัดสิทธิและเสรีภาพเป็นเรื่อง
ๆ ไป แต่รัฐธรรมนูญนี่เป็นการวางหลักประกันสิทธิเสรีภาพของประชาชน
กำหนดโครงสร้างอำนาจรัฐ จัดสมดุลการใช้อำนาจอธิปไตย และการตรวจสอบการใช้อำนาจต่าง
ๆ ให้พอเหมาะพอสม มันคนละเรื่องกันเลยกับงานที่เคยทำ ๆ มา เคราะห์ดีอยู่หน่อยที่ว่าเคยไปช่วยงานวิชาการท่านอาจารย์บวรศักดิ์
อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และพี่แป๋วหรือคุณกาญจนารัตน์
ลีวิโรจน์ เลขานุการคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ มาระยะหนึ่ง จึงพอทราบเลา ๆ
ว่าเขาต้องทำอะไรบ้าง
ระหว่างที่มึน ๆ
อยู่นั้น ชีวิตก็เริ่มมีเรื่องแปลกใหม่เข้ามาอีกเพราะสื่อมวลชนซึ่งไม่รู้ไปหาเบอร์โทรศัพท์ผมมาจากไหนเริ่มระดมโทรศัพท์เข้ามาถามไถ่เรื่องนั้นเรื่องนี้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มประชุมด้วยซ้ำไป
ดึกดื่นเที่ยงคืนเขาก็พยายามหาข่าวกัน นับเป็นสีสันใหม่ของชีวิต
เมื่อเราประชุมนัดแรกที่ห้องงบประมาณ
ผมจำได้ว่าเป็นการประชุมเพื่อเลือกผู้ดำรงตำแหน่งต่าง ๆ ในคณะกรรมการ
คนที่ผมรู้จักเป็นการส่วนตัวมาก่อนมีเพียงท่านประธานมีชัยฯ ท่านอัชพรฯ
ท่านอาจารย์เธียรชัยฯ และบอยเท่านั้น นอกนั้นท่านเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองซึ่งผมรู้จักท่านเป็นอย่างดีผ่านสื่อและผลงานวิชาการแขนงต่าง
ๆ แต่ท่านไม่รู้จักผม จะว่าไปผมเพิ่งเคยพบตัวเป็น
ๆ ของหลายท่านในวันนั้นเอง อย่างไรก็ดี ในโมเมนต์นั้นผมสัมผัสได้ว่าทุกท่านล้วนมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะสร้างผลงานที่ดีที่สุดทิ้งไว้ให้ลูกหลาน
และนั่นเป็น First impression ที่ผมมีต่อ กรธ.
และยังคงติดตาตรึงใจมาผมจนทุกวันนี้ เพราะตลอดระยะเวลาสองปีเศษที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกัน
ทุกท่านยังคงแสดงออกซึ่งความมุ่งมั่นนี้เสมอมา
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เวลาที่เราแสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาตามหลักวิชาการในสภานิติบัญญัติแห่งชาติในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญทุกฉบับ
เรื่องสำคัญที่ผมต้องบันทึกไว้ก็คือ
กรธ. ไม่เคยต้องลงมติกันเลย ไม่ว่าจะในเรื่องใด เรียกว่าเป็นการประชุมที่ว่ากันด้วยกันด้วยเหตุด้วยผลอย่างแท้จริง
ไม่มีการชี้นำ ไม่มีการเอาชนะคะคาน ไม่มีโพย ไม่มีใบสั่ง ไม่มีคำว่าคุณขอมา ซึ่งนอกจากที่การประชุมที่กฤษฎีกาแล้ว
ผมพบบรรยากาศการประชุมแบบนี้ไม่มากนักในบ้านเรา
ในช่วงแรก ๆ
กรธ. คุยกันก่อนว่าเราจะยกร่างรัฐธรรมนูญแบบปะผุหรือจะรื้อใหญ่ดี
เพราะเวลาทำงานมีเพียง ๑๘๐ วันเท่านั้นเอง หักวันหยุดไปก็เหลือในราว ๑๖๐ วัน สุดท้ายได้ข้อสรุปว่าเราช่วยกันจะรื้อใหญ่ให้เป็นรัฐธรรมนูญที่สอดคล้องกับเสียงของพี่น้องประชาชนที่ต้องการให้มีการปฏิรูปประเทศ
เพราะเราอยู่นิ่ง ๆ มานานจนเพื่อนบ้านแซงไปไกลแล้ว ถ้ายังทำแบบปะผุกันอยู่อีก
เห็นทีบ้านเมืองไม่ต้องไปไหนกัน คงวนเวียนอยู่ในสังสารวัฏเดิม
ลูกไทยหลานไทยจะอยู่กันอย่างไรในอนาคตที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วแบบ exponential
เมื่อตกลงกันได้เช่นนี้
เราจึงเห็นพ้องกันว่าต้องให้พี่น้องประชาชนมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวาง ซึ่งแน่นอนว่าเราต้องรับฟังความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ
และนี่ทำให้ผมประทับใจมากที่เห็น กรธ. ทำงานเป็นทีมอย่างสมบูรณ์แบบทั้ง ๆ
ที่เราไม่เคยทำงานร่วมกันมาก่อนเลยโดยมีฝ่ายเลขานุการที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรจัดมานำโดย
ผบ. นาถะฯ เป็นผู้ช่วยที่เข้มแข็ง ใครทำอะไรได้ก็ช่วยกัน
ไม่เห็นแก่เหน็ดแก่เหนื่อยทั้งที่สื่อมวลชนค่อนขอด กรธ. ไว้แต่เริ่มต้นแล้วว่าเราเป็น
“กรธ. พันปี” เพราะพวกเรามีอายุรวมกว่าพันปี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงแรก ๆ
ที่เราเปิดรับฟังความคิดเห็นในจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศนั้น เดินทางกันแทบทุกวัน
วันละหลายที่ จนต้องแบ่งสายกันไป กรธ. ผู้ใหญ่หลายท่านเดินทางจนป่วยเป็นไข้บ้าง ปวดแข้งปวดขาบ้าง
บ้านหมุนบ้าง ฯลฯ แต่ก็ยังกัดฟันไปปฏิบัติภารกิจจนลุล่วงไปได้
นอกจากนี้ กรธ.
ยังเปิดช่องทางการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนอย่างกว้างขวางทั้งช่องทางดั้งเดิมอย่างจดหมาย
และช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ทันสมัยต่าง ๆ ซึ่งการเปิดช่องทางการสื่อสารนี้เองทำให้พี่น้องประชาชนตื่นตัวและร่วมแสดงความคิดเห็นเข้ามาเป็นจำนวนมาก
ดังนั้น กรณีมีผู้วิจารณ์ว่าร่างรัฐธรรมนูญที่
กรธ. จัดทำขึ้นนี้ขาดความเชื่อมโยงกับประชาชนนั้น ผมขอยันในทุกท่าไม่ว่าจะนั่ง นอน
หรือยืนว่าไม่จริงดังเหตุผลที่ได้เล่ามาแล้ว โดย กรธ. ตระหนักดีว่าการรับฟังความคิดเห็นมิได้เป็นเพียงพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ที่สักแต่ว่าต้องทำให้ครบ
แต่เป็นอะไรที่จะทำให้เราได้รับทราบความต้องการที่แท้จริงของพี่น้องประชาชนอันเป็นประโยชน์ยิ่งต่อการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ
และเราได้นำความคิดเห็นทั้งหลายมาวิเคราะห์และประมวลเป็นกลุ่มไว้ ในเวลาที่มีการพิจารณาประเด็นใดที่มีผู้แสดงความคิดเห็นเข้ามา
จะมีเจ้าหน้าที่คอยขานความคิดเห็นเหล่านั้นต่อที่ประชุมเพื่อประกอบการพิจารณา ร่างรัฐธรรมนูญที่
กรธ. จัดทำขึ้นนี้จึงเต็มไปด้วยเสียงสะท้อนของพี่น้องประชาชน และมีกลิ่นโคลนสาบควาย
กลิ่นท้องไร่ท้องนา กลิ่นตลาดสด กลิ่นหยาดเหงื่อของพี่น้องประชาชน ติดอยู่ในรัฐธรรมนูญมากกว่าฉบับอื่น
ๆ และ กรธ.
ได้นำกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้องที่เราทำอยู่นี้ไปบรรจุไว้ในมาตรา
๗๗ ของร่างรัฐธรรมนูญด้วย
หลายท่านวิจารณ์ในทางตรงข้ามกับเมื่อกี้เลยว่า
กรธ. ร่างรัฐธรรมนูญ “แบบบ้าน ๆ” ไม่มี “ความเป็นสากล”
จะมีอะไรเป็นหลักประกันว่ากลไกตามรัฐธรรมนูญแบบบ้าน ๆ นี้จะประสบความสำเร็จ กรธ.
ก็คิดเรื่องนี้กันครับ แล้วพบว่าฝรั่งเศสกับเยอรมันมีพรมแดนติดกัน ทำไมฝรั่งเศสไม่ลอกรัฐธรรมนูญเยอรมันมาใช้ล่ะ
กลับกัน ทำไมเยอรมันไม่ลอกรัฐธรรมนูญฝรั่งเศสมาใช้
หรือทำไมเยอรมันต้องคิดวิธีการเลือกตั้งแบบพิสดารขึ้นมา ทำไมไม่ใช้วิธีการเลือกตั้งแบบอังกฤษล่ะ
แล้วระบบเลือกตั้งของอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน อเมริกา ทำไมไม่เหมือนกันล่ะ
เราจึงได้ข้อสรุปตามหลักวิชากฎหมายเปรียบเทียบ (Comparative Law) ว่าแต่ละประเทศต่างมีบริบท (Context) เป็นของตัวเอง
รัฐธรรมนูญของประเทศใดก็ต้องสอดคล้องกับบริบทของประเทศนั้น ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว
การลอกฝรั่งจึงไม่ใช่หลักประกันว่าเราจะเป็นอย่างฝรั่ง นอกจากนี้ เรามีบทเรียนมากมายที่ลอกรัฐธรรมนูญบางมาตราของฝรั่งมาทั้งดุ้น
แต่กลับกลายเป็นบทบัญญัติที่สร้างวิกฤติขึ้นในประเทศเรา ดังนั้น รัฐธรรมนูญไทยที่สอดคล้องกับบริบทแบบไทย
ๆ จึงถูกต้องตามหลักวิชากฎหมายเปรียบเทียบแล้ว
อย่างไรก็ดี ไม่ใช่ว่ารัฐธรรมนูญนี้จะไม่มีกลิ่นนมกลิ่นเนยเหลืออยู่เลย
กรธ. ตระหนักดีครับว่าประเทศไทยอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านระหว่างยุค Constitutionalism
กับยุค Post-Constitutionalism เราจึงไม่สามารถ
“เขียนอะไรก็ได้” ลงไปในรัฐธรรมนูญเหมือนในยุค Constitutionalism เมื่อสามสี่สิบปีก่อนอีกแล้ว ในยุคที่โลกไร้พรมอย่าง Post-Constitutionalism
ในปัจจุบัน เราย่อมถูกผูกพันด้วยกฎหมายระหว่างประเทศและพันธกรณีต่าง
ๆ ที่ประเทศไทยเป็นภาคี การร่างรัฐธรรมนูญจึงต้องคำนึงถึงเรื่องต่าง ๆ
เหล่านี้ด้วย ถ้าเปิดอ่านหมวดสิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทยและหมวดหน้าที่ของปวงชนชาวไทยแบบละเอียด
ท่านจะได้กลิ่นนมเนยฟุ้งไปหมดเพราะต้องสอดคล้องกับปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
และพันธกรณีเกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพของประชาชนหลายฉบับที่ประเทศไทยเป็นภาคี หมวดหน้าที่ของรัฐกับหมวดแนวนโยบายของรัฐก็เหมือนกัน
สองหมวดนี้สะท้อนแนวคิด Sustainable Development and Inclusive Growth ซึ่งสอดรับกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
บรมนาถบพิตร อย่างชัดเจน ส่วนหมวดรัฐสภา หมวดคณะรัฐมนตรี หมวดศาล หมวดองค์กรอิสระ
หมวดปฏิรูป และอีกหลายหมวดนี่ บริบทของเราแท้ ๆ ครับ
ในระหว่างที่ทำร่างรัฐธรรมนูญ
กรธ. มีสถานะไม่แตกต่างไปจากตำบลกระสุนตก มีผู้ใช้โซเชียลเน็ตเวิร์คและสื่อต่าง ๆ บิดเบือนข้อมูลเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญไปเผยแพร่ให้พี่น้องประชาชนเพื่อให้เกิดความเข้าใจผิดในหลายเรื่องหลายประเด็น
ไม่รู้เหมือนกันว่าทำอย่างนั้นทำไม บางคนถึงกับใช้วิธีนับจำนวนคำในร่างรัฐธรรมนูญของ
กรธ. เทียบกับรัฐธรรมนูญเก่า แล้วออกสื่อว่าจำนวนในร่างรัฐธรรมนูญของ กรธ.
น้อยกว่าของเก่า หลายอย่างต้องหายไปแน่ ๆ เอาละ เมื่อเลอะเทอะได้ใจกันขนาดนี้ กรธ.
จึงต้องมาช่วยกันหาทางเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้องแก่พี่น้องประชาชนไปพร้อม ๆ กันด้วยทั้ง
ๆ ที่ยังทำร่างไม่เสร็จเลย แล้วเรื่องโซเชียลเน็ตเวิร์คกับผู้สูงวัยนี่เป็นอะไรที่ท้าทายมากนะครับ
แต่โชคดีที่ กรธ. ได้รับความอนุเคราะห์อย่างดียิ่งจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง จึงสามารถทำ
infographic เผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้องแก่พี่น้องประชาชนไปพร้อม
ๆ กันได้ด้วย
ในระหว่างอยู่ในตำบลกระสุนตก
ท่านประธานมีชัยฯ คอยย้ำเตือนพวกเราอยู่เสมอว่าเราทำงานโดยสุจริต ไม่ต้องกลัว
เพราะ “สุจริตคือเกราะบัง ศาสตร์พ้อง” ท่านว่าอย่างนั้น และส่วนตัวผมสัมผัสได้ว่า
กรธ. ทุกคนทำงานด้วยใจ ไม่มีนอกมีในอะไรกับใครเขา คำของท่านประธานจึงกระตุ้นให้
กรธ. เกิดแรงใจที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้องที่สุดต่อไปเพื่อบ้านเมือง
โดยไม่นึกกริ่งเกรงอะไร
เมื่อยกร่างรัฐธรรมนูญเสร็จ
กระสุนไปตกที่อื่นบ้าง กรธ. จึงมีเวลาหายใจหายคอเดินสายไปชี้แจงทำความเข้าใจหลักการสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญให้พี่น้องประชาชนฟังทั่วประเทศอีกรอบหนึ่ง
ซึ่งได้รับความอนุเคราะห์อย่างดียิ่งจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเหมือนเช่นเดิม
ทำให้ภารกิจลุล่วงไปได้ด้วยดี
เมื่อถึงวันลงประชามติ
ท่านประธานมีชัยฯ นัด กรธ. ไปฟังผลการลงคะแนนที่ห้องงบประมาณอันเป็นห้องประชุมของพวกเรา
ผลการลงประชามติปรากฏว่ามีผู้เห็นชอบด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญ ๑๖,๘๒๐,๔๐๒ คะแนน
คิดเป็นร้อยละ ๖๑.๓๕ มีผู้ไม่เห็นชอบ ๑๐,๕๙๘,๐๓๗ คะแนน คิดเป็นร้อยละ ๓๘.๖๕
ซึ่งถือว่าร่างรัฐธรรมนูญได้รับความเห็นชอบในการออกเสียงประชามติ
และเมื่อได้ปรับปรุงร่างรัฐธรรมนูญให้สอดคล้องกับคำถามพ่วงของสภานิติบัญญัติแห่งชาติแล้ว
กรธ. ได้ส่งร่างรัฐธรรมนูญให้แก่นายกรัฐมนตรีเพื่อนำขึ้นทูลเกล้า ฯ
ถวายเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย
ในการนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ
บดินทรเทพยวรางกูร ทรงลงพระปรมาภิไธยและพระราชทานรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ ๖ เมษายน
๒๕๖๐ ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม
ภายหลังประกาศใช้รัฐธรรมนูญ
กรธ. ซึ่งตอนนี้เหลือเพียง ๒๐ คน เนื่องจากพลเอก นิวัติ ศรีเพ็ญ ถึงแก่กรรมไป
ยังมีภารกิจต้องยกร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ จำนวน ๑๐ ฉบับ
ให้แล้วเสร็จภายใน ๒๔๐ วัน เท่ากับ กรธ.
มีเวลาเฉลี่ยในการร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญฉบับละ ๒๔ วันเท่านั้น
ทั้งเมื่อได้ยกร่างเสร็จและเสนอไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติแล้ว
ยังต้องส่งพวกเราจำนวนหนึ่งไปเป็นกรรมาธิการวิสามัญด้วย การทำงานของ กรธ.
ในช่วงนี้จึงสาหัสมิใช่น้อย
ในการยกร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ
กรธ. ได้กลายเป็นตำบลกระสุนตกอีกครั้งหนึ่ง เนื่องมาจากการที่เรายึดมั่นในหลักการซึ่งอาจไม่ถูกใจใครหลายคน
แต่เราก็ไม่ได้นำมาเป็นอารมณ์ จึงไม่เสียเวลาขว้างก้อนหินใส่ และพยายามทำกันอย่างเต็มที่จนสามารถดำเนินการเสร็จทันตามกำหนดเวลา
ต้องบันทึกว่าในช่วงแปดเดือนนี้ กรธ. หลายท่านป่วยด้วยความตรากตรำและความเครียดกันคนละหลายรอบ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ท่านประธานมีชัยฯ ผมเองถึงจะมีอายุน้อยกว่า กรธ. หลายท่าน
ก็สะบักสบอมเหมือนกัน
สำหรับผม กรธ.
เป็นครอบครัวใหญ่ที่มีความเป็นประชาธิปไตยสูงมาก ทันสมัย เปิดกว้าง
ยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่างอย่างมีเหตุผล และมั่นคงในหลักการที่ถูกต้อง
ผมได้รับความรู้และประสบการณ์อันล้ำค่ามากมายรวมทั้งความเมตตาปราณีจากท่านผู้ใหญ่ทุกท่าน
และเป็นเกียรติสูงยิ่งที่ผมได้มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้
รักนะ จุ๊บ ๆ
***************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น