เรื่องพลังงานนั้น บ้านเรายังคงวนไปวนมากับเรื่องราคาน้ำมันว่าถูกว่าแพงกว่าเพื่อนบ้าน บางกลุ่มก็เสนอแบบง่าย ๆ ว่าราคาน้ำมันของบ้านเราต้องเท่ากับราคาน้ำมันของประเทศเพื่อนบ้าน ทั้ง ๆ ที่บริบททางเศรษฐกิจ สภาพทางกายภาพ ระบบกฎหมาย และอื่น ๆ แตกต่างกันลิบลับ นับว่าแปลกมากที่มีการรณรงค์แบบนี้ด้วย
คงเหมือนกับการรณรงค์ว่าการเมืองการปกครองของบ้านเราต้องเหมือนฝรั่งเป๊ะ ๆ จึงจะสากล ทั้งที่ประเทศฝรั่งแต่ละประเทศมันก็หาได้เหมือนกันเป๊ะ ๆ แต่ประการใดไม่ เพราะบริบทของแต่ละประเทศมันไม่เหมือนกัน ลอกกันไม่ได้ ฝรั่งเองมันยังไม่ลอกกันเลย ทำไมเราต้องลอกมันด้วยล่ะ
ที่สำคัญก็คือยังมีการอ้างตำราหรือแนวคิดของนักวิชาการฝรั่งยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งแรกของโลกด้วยเครื่องทอผ้า และยังใช้นกพิราบในการสื่อสาร มาเป็นไอเดียในการปรับปรุงการเมืองการปกครองของประเทศในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 หรือ 4th industrial revolution ที่ใช้ระบบสื่อสาร 5G มีระบบ Big data มี data analytics เป็นองคาพยพสำคัญ ไม่ใช่เครื่องทอผ้า ไม่ใช่เครื่องจักรไอน้ำเหมือนยุคศตวรรษที่ 17 หรือ 18
นี่ถ้านักวิชาการฝรั่งที่เสียไปเมื่อสามสี่ร้อยปีเหล่านี้ฟื้นขึ้นมา คงดีใจไม่น้อยที่แนวคิดทฤษฎีของท่านยังมีคนนำมากล่าวอ้างราวกับเป็นของขลังในบ้านเมืองเรา ทั้งที่ในบ้านเมืองเขา เรื่องเหล่านี้อยู่ในตำราประวัติศาสตร์คลาสสิคไปหมดแล้ว ไม่เชื่อลองไปดูหนังสือเรียนระดับ A Level ของเด็กมัธยมปลายของฝรั่งดูสิครับ
กลับมาเรื่องพลังงาน มีบางกลุ่มที่สนใจการใช้พลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานจากขยะ และ renewable energy อื่น ๆ อันนี้ก็ดีครับ แต่มีปัญหาเรื่องการพัฒนาแบตเตอรี่มาเก็บพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตขึ้นมาได้ แบตเตอรี่นี่มีอายุการใช้งาน หมดอายุก็ต้องทิ้ง เหมือนถ่านไฟฉายนี่แหละ คำถามคือจะทิ้งที่ไหนหรือเอาไปทำอะไรต่อ ต้องคิดแก้ปัญหากันต่อไปด้วยว่าจะจัดการกับแบตเตอรี่เหล่านี้อย่างไรต่อไปอีกเพื่อมิให้เป็นมลพิษ
บ้านเราพยายามแก้ปัญหาพลังงานไปพร้อม ๆ กับแก้ปัญหาพืชผลทางการเกษตร โดยนำน้ำมันจากพืชมาผสมกับน้ำมันดีเซลให้เป็นดีเซลบีต่าง ๆ หรือนำแอลกอฮอล์มาผสมกับน้ำมันเบนซินให้เป็นน้ำมันก๊าซโซฮอล์ ก็ดีครับ ช่วยเกษตรกรไปด้วยในตัว แต่จะช่วยได้มากน้อยเท่าไรนั้นอีกเรื่องหนึ่งเพราะการนำน้ำมันพืชหรือแอลกอฮอล์มาผสมนี่ต้องเป็นน้ำมันหรือแอลกอฮอล์ที่มีคุณภาพสูงพอสมควร ไม่งั้นมันก็ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์มากพอสมควรเหมือนกัน เรียกว่ายังไม่ตอบโจทย์ลดโลกร้อนที่เป็นโจทย์สำคัญของโลกในเวลานี้สักเท่าไร แต่ลดบ้างก็ยังดีกว่าอยู่เฉย ๆ ละน่า รักษาระดับราคาพืชเกษตรด้วย
ที่น่าสนใจมากก็คือประเทศที่พัฒนาแล้วเขากำลังเอาเป็นเอาตายแข่งขันกันพัฒนา "ไฮโดรเจน" มาแทนน้ำมัน เพราะการใช้ไฮโดรเจนแทนน้ำมันนี่พอผ่านกระบวนการเผาผลาญมันจะปลดปล่อยน้ำออกมาแทนคาร์บอนไดออกไซด์ที่ทำให้โลกร้อน ถ้านำไฮโดรเจนมาใช้เป็นพลังงานแทนน้ำมันได้ ก็จะช่วยลดปัญหาโลกร้อนได้มาก เพราะยังไงคนก็ต้องใช้รถ
เท่าที่ติดตามข่าว นักวิทยาศาสตร์ระดับโลกและบริษัทชั้นนำเขากำลังหาทางเอาชนะปัญหาที่เคยเกิดขึ้นกับเรือเหาะเซปเปลินในสมัยก่อนที่ระเบิดขึ้นเพราะไฮโดรเจนติดไฟง่าย ถ้าคิดออกละก็ ไฮโดรเจนก็น่าจะเป็นพลังงานทางเลือกที่ดีมาก
ตอนนี้หลายประเทศเขากำลังวางแผนที่จะใช้ไฮโดรเจนเป็นพลังงานหลักแทนน้ำมันกันแล้ว นี่เห็นว่าจะมีการประชุมระดับโลกเรื่องนี้ในปีนี้ปีหน้า ถ้าเราเข้าร่วมประชุมกับเขาแล้วลองเอากลับมาคิดวางแผนอนาคตด้านพลังงานของไทยก็น่าจะเป็นประโยชน์นะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น