วันศุกร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

เร็วขึ้น ง่ายขึ้น และถูกลง โดยศุภานัน เฉลิมชัย สำนักงาน ก.พ.ร.

                เมื่อพูดถึงบริการภาครัฐ...สมัยก่อนใครๆ ต่างก็พร้อมใจกันเบ้ปากมองบน เพราะทั้งระยะเวลาให้บริการที่ยาวนานข้ามวัน เจ้าหน้าที่ทำหน้าโหดเหมือนโกรธใครมา บางครั้งไปครั้งเดียวไม่จบ ต้องหอบเอกสารไป ๆ กลับ ๆ อยู่อย่างนั้น

              แต่เดี๋ยวนี้ ภาครัฐเองก็มีการปรับตัวเพื่อพัฒนางานบริการให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนได้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อก้าวเข้าสู่ยุคปัจจุบันที่มีวิกฤติการณ์ต่าง ๆ รอบตัวทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 รวมถึงภัยธรรมชาติ ภัยที่เกิดจากมนุษย์ต่างดาหน้ากันเข้ามาให้เราต้องใช้วิทยายุทธและทักษะที่มีในการอยู่รอด ภาครัฐจึงไม่สามารถยืดหยัดด้วยการทำงานแบบเดิมๆ การทำงานเพื่อให้ทันต่อโลกที่ปรับเปลี่ยน สิ่งรอบตัวจะต้องถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยีมากยิ่งขึ้น การให้บริการของภาครัฐจึงต้องเน้นให้ประชาชนเกิดความสะดวก รวดเร็ว โดยนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการทำงานและการให้บริการประชาชน

             อย่างที่ได้เคยกล่าวไว้แล้วว่า พระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558 นั้น มีเจตนารมณ์ที่จะปลดล็อกความไม่สะดวกนานัปการของบริการภาครัฐ ซึ่งในความเป็นจริงนั้นการดำเนินการจะต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายๆ ส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่วยงานภาครัฐเองจะต้องมีความตั้งใจและมีวิสัยทัศน์ในการพัฒนางานบริการของตนให้ตอบโจทย์ตรงใจประชาชนหรือผู้รับบริการได้มากที่สุด

            โดยตลอดระยะเวลาที่พระราชบัญญัติฯ มีผลใช้บังคับ หน่วยงานภาครัฐได้มีการปรับปรุงบริการด้านต่าง ๆ ที่สามารถมองเห็นได้อย่างเป็นรูปธรรม ตามแนวคิด เร็วขึ้น (Faster) ง่ายขึ้น (Easier) และถูกลง (Cheaper) ได้แก่

               การให้บริการรวดเร็วขึ้น (Faster) ด้วยการลดขั้นตอนและระยะเวลาในการให้บริการจากระยะเวลาเดิมไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 - 50 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ ด้วยการปรับปรุงขั้นตอนกระบวนการ Redesign process ลด ละ เลิก ขั้นตอนที่ยุ่งยาก ซับซ้อน ไม่จำเป็นออก พร้อมทั้งปรับปรุงคู่มือสำหรับประชาชนในแต่ละบริการให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งประเทศ

               การปรับบริการให้ง่ายขึ้น (Easier) และทันสมัย (Smarter) ด้วยการพัฒนาระบบการให้บริการแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Service) โดยปัจจุบันมีบริการภาครัฐกว่า 325 งานบริการ ที่เป็น e-Service แล้ว อีกทั้งได้พัฒนาระบบ Biz Portal พอร์ทัลกลางเพื่อภาคธุรกิจที่ทำให้ผู้ประกอบการสามารถทำธุรกรรมในการขออนุมัติ อนุญาตกับหน่วยงานภาครัฐผ่านช่องทางออนไลน์ได้ถึง 25 ประเภทธุรกิจ 78 ใบอนุญาต ขณะที่ผู้รับบริการสามารถใช้พอร์ทัลกลางเพื่อประชาชน (Citizen Portal) ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันรวมงานบริการที่ได้รับความนิยมจากผู้ใช้บริการ พร้อมเปิดให้บริการแล้วกว่า 10 บริการ ซึ่งปัจจุบันพบว่างานบริการแบบอิเล็กทรอนิกส์ของภาครัฐได้รับการตอบรับจากประชาชนผู้ใช้บริการเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของการจองคิวรับบริการ ที่ทำให้ไม่ต้องไปนั่งแออัดเสี่ยงโควิดกันตามสถานที่รับบริการต่าง ๆ ช่วยลดการเดินทาง ทำให้การติดต่อราชการสามารถทำได้ง่ายๆ แค่เพียงปลายนิ้วคลิก 

               การลดค่าใช้จ่ายของประชาชน (Cheaper) ได้มีการส่งเสริมให้ภาครัฐไม่เรียกสำเนาเอกสาร  โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำเนาบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้าน เพราะถือว่าภาครัฐจะต้องมีการเชื่อมโยงข้อมูลทางหลังบ้านระหว่างกัน รวมทั้งหากประชาชนต้องการเอกสารราชการที่แปลเป็นภาษาอังกฤษ ยกตัวอย่างเช่น เอกสารการเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล เอกสารใบสมรส ก็สามารถขอพรินต์ออกมาได้ง่าย ๆ ที่สำนักงานทะเบียนอำเภอ สำนักงานเขต ซึ่งถือเป็นความร่วมมือของกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ และกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ในการช่วยลดค่าใช้จ่ายที่ประชาชนจะต้องนำเอกสารไปแปล ซึ่งถ้าดูจากจำนวนเอกสารภายในหนึ่งปีที่ประชาชนต้องขอแปล ประมาณ 100,000 ฉบับ ก็ถือว่าสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนไปได้อย่างน้อย 40 ล้านบาท ต่อปีเลยทีเดียว

               อย่างไรก็ตาม คงต้องยอมรับว่า การบริการของภาครัฐเองก็ยังมีหลายส่วนที่ยังต้องปรับปรุง ขณะเดียวกันภาครัฐเองก็ยังไม่หยุดที่จะพัฒนาการให้บริการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่มีผลกระทบกับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในวงกว้าง รวมทั้งปัญหาวิกฤติการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งยังต้องทำงานร่วมกับภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งประชาชนและภาคเอกชน เพื่อพัฒนางานบริการ อำนวยความสะดวกแก่ประชาชน และส่งเสริมให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน

               โดยหวังว่าในทุกๆ ครั้งที่ประชาชนมารับบริการจากภาครัฐ จะได้ของแถมกลับไป...คือรอยยิ้ม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น