วันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

Failed Families ปกรณ์ นิลประพันธ์

บ่ายแก่ ๆ เมื่อวานนี้ ผู้เขียนแวะทานข้าวกลางวันหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจที่ร้านริมถนนก่อนเข้าบ้าน เจ้านี้เกาเหลาเนื้อเขาเด็ดนัก

ระหว่างรออาหารไร้เส้นเช่นเดียวกับผู้เขียน ว่างอยู่ก็กวาดตาไปรอบร้าน พบว่ามีหลายครอบครัวมานั่งทานอยู่ด้วย มีหนุ่มสาวคู่เดียวเท่านั้น แน่นอนร้านแบบนี้ไม่เหมาะกับหนุ่มสาวแน่ ๆ โดยเฉพาะที่เพิ่งเริ่มจีบกันใหม่ ๆ คู่นี้คงคบกันมานาน หมดโปรแล้ว จึงอยู่ในโลกของความเป็นจริง

ที่ผู้เขียนรู้สึกผิดปกติคือทุกโต๊ะเงียบกริบ ที่เงียบเพราะทุกคนมีมือถือคนละเครื่องไม่พูดไม่จากัน นั่งโต๊ะเดียวกันไม่คุยกัน ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่สนใจแต่เจ้ากลักสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ นี่แหละ 

เด็กน้อยก็มีมือถือนะครับ พ่อแม่คงจะมีหลายเครื่อง ให้ลูกเครื่องนึงจะได้ไม่ร้องโยเย ซึ่งก็ได้ผลเด็กก็จ้องจอนิ่ง ๆ พ่อแม่ป้อนสะดวก

หนุ่มสาวคู่ที่ว่านั้นต่างก็ถูไถโทรศัพท์ของแต่ละคนอย่างเมามัน ถูไปยิ้มไป แทบจะไม่ได้คุยกันเลย

บังเอิญในร้านนี้เขามีทีวี ชะรอยแม่ค้าจะชอบดูรายการข่าวหรืออย่างไรไม่ทราบได้ จึงเปิดรายการข่าวทิ้งไว้ พอจัดการออเดอร์เสร็จก็เงยหน้าไปดูทีวี ดูไปก็บ่นไปว่าสังคมเดี๋ยวนี้วิปริตไปหมดแล้ว มีแต่ข่าวจับวัยรุ่นแว้นทีเป็นร้อยคัน ข่าววัยรุ่นค้ายาเอาเงินไปซื้อยามาเสพย์และเที่ยวเตร่ ข่าวเด็กยกพวกรุมตีกัน ข่าววัยรุ่นเมาเหล้าขี่รถสวนทางกันลงไปปาดคอกันตาย ข่าวเด็กชายรุมข่มขืนเด็กหญิงแล้วถ่ายคลิปเก็บไว้ ข่าววัยรุ่นสาวเปิดไลน์กลุ่มเก็บสตางค์โชว์หวิวที่เธอเรียกมันว่า งานศิลปะ” ฯลฯ

พอถึงตอนนี้เกาเหลาหอมหวลก็ถูกยกมาถึงผู้เขียนพอดีพร้อมกับข้าวสวยร้อน ๆ หนึ่งถ้วย กินไปก็คิดไปว่าข่าวเหล่านี้เป็นผลมาจากอะไร จะว่าเป็นเพราะประเทศยังไม่เป็นประชาธิปไตยก็ไม่ใช่ หาความสัมพันธ์ไม่เจอเลย จะว่าเป็นเพราะระบบการศึกษา อันนี้คงมีส่วนอยู่บ้างแต่คงไม่ทั้งหมด เพราะเด็กอยู่โรงเรียนวันละแปดชั่วโมง อีกสิบหกชั่วโมงอยู่กับผู้ปกครอง และไม่มีโรงเรียนไหนหรอกที่สอนให้เด็กทำเรื่องที่เป็นปัญหาแบบนี้ 

รากเหง้าของปัญหาที่แท้จริงน่าจะอยู่ที่ “ครอบครัว” มากกว่า ถ้าครอบครัวอบอุ่น ปัญหาเหล่านี้ไม่น่าจะเกิดขึ้น ที่ว่าอบอุ่นนี่ไม่ใช่เพียงอยู่บ้านเดียวกัน แต่หมายถึงการมีความสัมพันธ์ที่ดีภายในครอบครัว พ่อแม่อบรมสั่งสอนลูกว่าอะไรดีไม่ดี อะไรควรไม่ควร มีความรักให้ต่อกันและกันอย่างจริงใจ พ่อแม่ประพฤติปฏิบัติตนให้เป็นตัวอย่างที่ดีแก่ลูกหลาน 

ก็ที่ลูกออกไปแว้นกันน่ะ พ่อแม่ไม่รู้จริง ๆ หรือ ทำไมจึงไม่ห้ามปราม หรือห้ามแล้วทำไมลูกจึงไม่ฟัง

ที่ลูกมีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไป พ่อแม่สังเกตบ้างหรือไม่ หรือว่าไม่เคยสังเกต

ที่ลูกอยากได้อยากมีอยากเป็นเหมือนคนอื่น ๆ เขาทั้ง ๆ ที่เรามีฐานานุรูปต่างจากเขานั้น พ่อแม่สอนเขาให้ดำรงตนอย่างไร

ที่เอามือถือให้ลูกจะได้นั่งเงียบ ๆ พ่อแม่จะได้มีเวลาสงบบ้างนั้น ไม่รู้หรือว่ามันเป็นประตูวิเศษที่พาลูกของเราเตลิดเปิดเปิงไปไหนต่อไหนก็ได้

มองไปรอบ ๆ ร้านหลายครอบครัวยังคงกินก๋วยเตี๋ยวอยู่เงียบ ๆ กินไปถูไถโทรศัพท์มือถือไป

เด็กน้อยวัยไม่เกินสามขวบที่แม่ป้อนก๋วยเตี๋ยวให้กินเมื่อสักครู่นี้คงอิ่มแล้ว แต่ตาแป๋วยังจดจ่ออยู่กับโทรศัพท์มือถือ ไม่รู้ว่าเด็กน้อยกำลังเสพย์อะไรอยู่

ผู้เขียนเองก็อิ่มแล้ว  เมื่อดื่มน้ำแข็งเปล่ากลั้วคอก็หวนคิดไปว่าเมื่อ 6-7 ปีก่อน เราคุ้นเคยกับคำว่า“Failed State” หรือรัฐที่ล้มเหลว” คือรัฐเป็นเจว็ด ดูมีอำนาจ แต่ใช้อำนาจไม่ได้ ไม่มีใครเชื่อฟัง ประท้วงกันวุ่นวายไปทั้งประเทศ ความเสียหายมากมายเกิดขึ้นทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองการปกครอง ความเชื่อมั่น” หรือ “Trust” ของชาติอยู่ในลำดับที่ต่ำมาก แต่นั้นยังแก้ไขได้ ถ้าเรารวมพลังกันสร้างความเชื่อมั่นนั้นขึ้นมาใหม่

แต่ปัญหาที่เรากำลังเผชิญอยู่ตอนนี้คือ “Failed Families” เป็น ความล้มเหลวในระดับครอบครัว” ซึ่งเป็นรากฐานที่สำคัญของสังคมและประเทศชาติ ถ้าครอบครัวมีรอยร้าวหรือชาดความอบอุ่นมันจะบาดลึกลงไปในจิตใจของคนในครอบครัว โดยเฉพาะเด็ก ๆ แล้วจะกลายเป็นปัญหาสังคมในรูปแบบต่าง ๆ ต่อไปให้ผู้ใหญ่ต้องตามไล่จับไล่จัดการ แล้วถ้ารุนแรงมากขึ้น ไร้เหตุผลมากขึ้น มันก็จะนำไปสู่ Failed State ได้ในที่สุด เพราะทุกคนจะคิดถึงแต่ประโยชน์ของตัวเอง ความสุขของตัวเอง ไม่สนใจว่าสังคมส่วนรวมจะเป็นอย่างไรเพราะเขาถูกอบรมเลี้ยงดูมาอย่างนี้

ผู้เขียนจึงเห็นว่าการแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่ตรงจุดและยั่งยืนต้องเริ่มต้นที่การสร้างครอบครัวเข้มแข็งการสร้างครอบครัวคุณภาพ… 

อิ่มพอดี …

เก็บตังค์ด้วยครับเจ๊.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น