ในรอบทศวรรษที่ผ่าน
ระบบราชการของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกได้มีการปรับเปลี่ยน ยกเครื่อง พลิกโฉม
หรือที่คุ้นเคยกันดีกับคำยอดนิยม “ปฏิรูประบบราชการ” ขนานใหญ่ ทั้งมาจากผลกระทบของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่มาถึงจุดที่ทำให้รูปแบบการดำเนินชีวิต
การบริหารงานภาครัฐ การประกอบธุรกิจ และเศรษฐกิจโลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรุนแรง (Disruptive
Technologies)
ประเทศไทยเราก็เช่นเดียวกัน
ได้มีการปรับเปลี่ยน รื้อระบบ ผ่าระบบราชการจนเกือบจะถึงพลิกระบบราชการแบบหน้ามือเป็นหลังมือก็ว่าได้
ที่กล่าวเช่นนี้ เพราะการพลิกระบบราชการนั้น
หมายถึงต้องเปลี่ยนแปลงอย่างทั้งหมดในฉับพลัน
แต่ของบ้านเรายังไม่ได้ไปไกลถึงขั้นนั้น
การเปลี่ยนแปลงระบบการบริหารราชการของบ้านเรา
โดยเฉพาะเรื่องงานบริการของภาครัฐ พบว่า ในหลาย ๆ ประเทศมีการนำ “นวัตกรรม” มาเป็นตัวจักรสำคัญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง
และนวัตกรรมจะเป็นตัวที่ช่วยสนับสนุนให้งานบริการของภาครัฐมีประสิทธิภาพ
และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของตนเองให้มีความยั่งยืน ดังที่ได้มีการสื่อสารกันในเวทีการสัมมนา
Observatory
of Public Sector Innovation (OPSI) ของ OECD
ว่า
“การสร้างนวัตกรรมเป็นเรื่องที่มีความสำคัญในการปรับปรุงชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น
(Better Lives) และกลายเป็นปรากฎการณ์ใหม่ซึ่งกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดา
(New Normal) ของการบริหารกิจการบ้านเมืองในบรรดาประเทศต่าง ๆ
ทั่วโลกไปแล้ว”
สำนักงาน ก.พ.ร. จึงได้ริเริ่มและผลักดันโครงการห้องปฏิบัติการภาครัฐ
หรือ Government Innovation Lab (GovLab) ตั้งแต่ปี ๒๕๖๐
ซึ่งสอดคล้องและเป็นไปตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ หมวด ๑๖ การปฏิรูปประเทศ มาตรา ๒๕๘ ข (๔)
ด้านการบริหารราชการแผ่นดิน กำหนดให้มีการปรับปรุงและพัฒนาการบริหารงานบุคคลภาครัฐ
ให้มีความคิดสร้างสรรค์และคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ
เพื่อให้การปฏิบัติราชการและการบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบกับโมเดลใหม่ของรัฐบาลในการขับเคลื่อนประเทศไทย
หรือ ‘ประเทศไทย ๔.๐’ มุ่งเน้นการขับเคลื่อนประเทศด้วยนวัตกรรมเพื่อก้าวข้ามกับดักประเทศรายได้ปานกลาง
เมื่อบริบทการบริหารประเทศเกิดการเปลี่ยนแปลง
ทำให้ภาครัฐซึ่งเป็นตัวจักรสำคัญในการพัฒนาประเทศต้องปรับตัวตาม และต้องสามารถเติบโตอย่างยั่งยืนท่ามกลางบริบทใหม่ทางการบริหารจัดการภาครัฐ
GovLab
จึงเป็นความท้าทายใหม่ที่รัฐบาลในหลายประเทศนำมาใช้ในการยกระดับงานบริการภาครัฐ
จากข้อมูลของ Apoltical
Group เปิดเผยว่า ปัจจุบันมี GovLab ที่จัดตั้งโดยรัฐบาลประมาณกว่า
๙๐ แห่งทั่วโลก ประกอบด้วย ทวีปยุโรป ๓๔ แห่ง อเมริกาเหนือ ๒๙ แห่ง
อเมริกากลางและอเมริกาใต้ ๑๕ แห่ง โอเชียเนีย ๘ แห่ง เอเชีย ๖ แห่ง
และตะวันออกกลางและแอฟริกากลาง ๔ แห่ง
GovLab ที่สำคัญ อาทิ NESTA สหราชอาณาจักร MindLab ประเทศเดนมาร์ก Sitra ประเทศฟินแลนด์ Seoul
Innovation Bureau ประเทศเกาหลีใต้ Innovation Lab สาธารณรัฐอินโดนีเซีย เป็นต้น
GovLab ของสำนักงาน ก.พ.ร. เป็นการสร้างกระบวนการทางความคิด (Mindset) ของข้าราชการใหม่โดยใช้แนวคิด Design Thinking การมุ่งเน้นประชาชนเป็นศูนย์กลาง
และการมีส่วนร่วมในการพัฒนานวัตกรรมงานภาครัฐไปด้วยกัน (Co-creation) ซึ่งนับเป็นการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานของภาครัฐจากเดิมๆ แนวคิด Design
Thinking ประกอบไปด้วย 4 ขั้นตอนสำคัญ ได้แก่ การเข้าใจภาพรวม
การเข้าถึงความต้องการ การพัฒนาและทดสอบแนวคิด และการวางแผนเพื่อนำไปใช้
ซึ่งแนวคิด Design Thinking ดังกล่าวมีความสอดคล้องกับ “ศาสตร์พระราชา”
หรือหลักการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช
บรมนาถบพิตร คือ “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” นั่นเอง
สำนักงาน ก.พ.ร. ดำเนินการ GovLab
โดยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมา ๓ ปีแล้ว ได้คิดค้น
ออกแบบนวัตกรรมงานบริการทั้งสิ้นจำนวน ๑๗ ต้นแบบนวัตกรรมงานบริการภาครัฐ (Prototypes)
ซึ่งครอบคลุมงานบริการสาธารณะที่หลากหลาย และเป็นงานบริการพื้นฐานที่มีผลกระทบกับประชาชนสูง
อาทิ ระบบการรอคิวตรวจรักษาในโรงพยาบาล การแก้ปัญหาความล่าช้าในกระบวนการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์สมุนไพร
การปรับกระบวนงานการออกมาตรฐาน ISO ของห้องปฏิบัติการทดสอบ การรายงานและการติดตามของศูนย์ดำรงธรรม
การแก้ปัญหาการเกษตรด้านข้อมูลปริมาณน้ำสำหรับเกษตรกร การแก้ไขปัญหาประชาชนในระดับพื้นที่
(อำเภอ) (เช่น สังคมสูงวัย การปลูกพืชแบบออร์แกนิก) การลดอุบัติเหตุการจราจรทางบก การลงทะเบียนแรงงานต่างด้าว การบริหารจัดการธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์
การช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส การติดตามรายงานตัวคนต่างด้าวอย่างบูรณาการ การจัดการเรียนรู้แบบสหวิทยาการ
และการเริ่มต้นธุรกิจ SMEs
ทั้งนี้ ต้นแบบนวัตกรรมงานบริการภาครัฐทั้ง
๑๗ ต้นแบบ เป็นการออกแบบนวัตกรรมงานบริการภาครัฐบนพื้นฐานของการนำประโยชน์ของ “เทคโนโลยี”
มาใช้ทั้งสิ้น ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกรวดเร็วให้แก่ประชาชนผู้มารับบริการ ลดต้นทุนในการให้บริการทั้งภาครัฐและประชาชน
เหมือนดังหลักการ Easier,
Faster, Cheaper และ Happier
ตัวอย่างของนวัตกรรมงานบริการภาครัฐที่
GovLab ร่วมกันคิดค้น คือ ปัญหาแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาอยู่ในประเทศแบบผิดกฎหมาย
ปัจจุบันต้องยอมรับว่าประเทศไทยต้องพึ่งพิงแรงงานต่างด้าวจำนวนมากในแต่ละปี
ซึ่งแรงงานดังกล่าวมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอนาคต
เพราะกำลังแรงงานไทยไม่เพียงพอจะทดแทนแรงงานที่จะเกษียณ
และไทยมีนโยบายที่จะเปลี่ยนโครงสร้างภาคแรงงานให้มีทักษะยิ่งขึ้น
ประกอบกับคนไทยไม่นิยมทำงานหนัก ทำให้มีการไหลเข้ามาของแรงงานต่างด้าวเพิ่มขึ้น
ส่งผลให้มีแรงงานต่างด้าวจำนวนมากอาศัยและทำงานอยู่ในประเทศไทย ทั้งภาคอุตสาหกรรม
การเกษตร และครัวเรือน อย่างไรก็ดี ปัญหาที่ตามมาของภาครัฐ คือ ประเทศไทยประสบปัญหาแรงงานต่างด้าวนอกระบบ
มีแรงงานต่างด้าวจำนวนไม่น้อยที่ยัง “อยู่ใต้ดิน” ลักลอบเข้ามาทำงานในประเทศไทยอย่างผิดกฎหมาย
สำนักงาน ก.พ.ร.
จึงได้นำประเด็นปัญหานี้เข้าสู่ GovLab เพื่อผ่าปัญหาการขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าว
โดยใช้กระบวนการ Design Thinking ทำความเข้าใจที่มาของปัญหาเชิงลึกทั้งจากเจ้าหน้าที่ภาครัฐ
แรงงานต่างด้าว และนายจ้าง ซึ่งทำให้พบว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้นายจ้างไม่นำลูกจ้างแรงงานต่างด้าวของตนมาลงทะเบียนนั้น
มาจากความซับซ้อน ยุ่งยาก และใช้เวลานานของการลงทะเบียนแรงงานต่างด้าว จึงได้พัฒนาต้นแบบนวัตกรรมงานบริการ
(Prototype) “แอพลิเคชันการลงทะเบียนแรงงานต่างด้าว” ขึ้นเพื่อประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการลงทะเบียน
ลดปัญหาการหลบเลี่ยงการลงทะเบียน และเกิดประสิทธิภาพในการคุ้มครองแรงงาน
นี่เป็นเพียงบางส่วนของต้นแบบนวัตกรรมงานบริการภาครัฐที่ขอมาสะท้อนให้เห็นถึงมิติใหม่ในการจัดให้บริการสาธารณะแก่ประชาชนที่ดึงผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดรวมทั้งประชาชนผู้ได้รับผลกระทบ
ได้รับความเดือนร้อนมาร่วมกันออกแบบงานบริการเพื่อให้ตอบสนองความต้องการของผู้รับบริการอย่างแท้จริง
มิเช่นนั้น
จะเป็นการคิดทางออกของปัญหาจากภาครัฐแต่เพียงฝ่ายเดียวเหมือนในอดีตที่ผ่านมา
สำหรับการดำเนินการ GovLab หัวใจสำคัญที่มีส่วนในการขับเคลื่อนความสำเร็จในครั้งนี้ คือ
นวัตกรที่ปรึกษา (Innovation Team) ซึ่งในส่วนกลางจะใช้ทีมนวัตกรที่ปรึกษาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาทำหน้าที่หลักในการร่วมดำเนินกิจกรรมต่าง
ๆ ใน GovLab และจะเป็นทีมนวัตกรที่ปรึกษาตัวคูณในอนาคตต่อไป
ส่วนในพื้นที่จะใช้ Dream team ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่หรือประชาชนในพื้นที่เป็นกำลังสำคัญในการประสานงานและขับเคลื่อนความสำเร็จในการออกแบบนวัตกรรมการบริการ
ดังนั้น หัวใจหลักของการบริหารงานภาครัฐและการจัดบริการสาธารณะในรูปแบบที่เรียกว่า
GovLab ก็คือ การออกแบบกระบวนงานให้บริการ (Service Design)
ซึ่งจะมาจากความต้องการของผู้ใช้บริการอย่างแท้จริง และภาครัฐจะต้องพยายามแสวงหาความร่วมมือจากภาคส่วนอื่นของสังคมและทำงานร่วมกัน
รวมทั้งต้องพร้อมที่จะเรียนรู้และปรับตัวไปพร้อมกันกับภาคส่วนอื่น ๆ
ท้ายนี้ สิ่งที่ผู้เขียนขอย้ำว่า
“นวัตกรรมภาครัฐ” เป็น “การแสวงหาวิธีการใหม่ ๆ
เพี่อบรรลุเป้าหมายอันเป็นที่พึงปรารถนาของประชาชนและสังคมส่วนรวม” แทนที่จะทำงานตามระเบียบแบบแผนดั้งเดิมที่ทำต่อ
ๆ กันมาเรื่อยเจื้อยโดยไม่คำนึงว่าบริบทต่าง ๆ มันเปลี่ยนแปลงไปแล้ว
ระบบราชการต้องพัฒนาให้ทันกับบริบทที่เปลี่ยนแปลงไป นวัตกรรมไม่ใช่เรื่องของเทคโนโลยีสมัยใหม่เท่านั้น
แต่เป็นทุกเรื่องที่จะทำให้การทำงานหรือการให้บริการประชาชนมีประสิทธิภาพมากขึ้น
และไม่ใช่เพียงคิด แต่ต้องนำไปสู่การปฏิบัติจริงด้วย ทั้งนี้ เพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชน (Better
Lives)
***************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น