ร่างพระราชบัญญัติที่จัดทำขึ้นเพื่อรับฟังความคิดเห็นใน Blog นักร่างกฎหมาย
บันทึกหลักการและเหตุผล
ประกอบร่างพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ
พ.ศ. ....
หลักการ
ให้มีกฎหมายว่าด้วยการชุมนุมสาธารณะ
เหตุผล
โดยที่เป็นการสมควรกำหนดหลักเกณฑ์การใช้สิทธิชุมนุมสาธารณะให้ชัดเจนเพื่อให้การชุมนุมสาธารณะเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย
ไม่กระทบกระเทือนต่อความมั่นคงของชาติความปลอดภัยสาธารณะ
ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีตลอดจนสุขอนามัยของประชาชนหรือความสะดวกของประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะ
และไม่กระทบกระเทือนสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
ร่าง
พระราชบัญญัติ
การชุมนุมสาธารณะ
พ.ศ. ....
..................................
..................................
..................................
....................................................................................................................................
..........................................
โดยที่เป็นการสมควรมีกฎหมายว่าด้วยการชุมนุมสาธารณะ
....................................................................................................................................
..........................................
มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.
....”
มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๓
พระราชบัญญัตินี้ไม่ใช้บังคับแก่การชุมนุมสาธารณะ ดังต่อไปนี้
(๑)
การชุมนุมเนื่องในงานพระราชพิธีและงานรัฐพิธี
(๒)
การชุมนุมเพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนาหรือกิจกรรมตามประเพณีหรือตามวัฒนธรรมแห่งท้องถิ่น
(๓) การชุมนุมเพื่อแสดงหรือเข้าชมมหรสพ
กีฬา กิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว หรือกิจกรรมอื่นเพื่อการสาธารณะกุศลหรือเพื่อประโยชน์ทางการค้าปกติของผู้จัดการชุมนุมนั้น
(๔) การชุมนุมอันเป็นกิจกรรมภายในของสถานศึกษา
(๕)
การชุมนุมหรือการประชุมตามบทบัญญัติของกฎหมายหรือการประชุมสัมมนาทางวิชาการของสถานศึกษาหรือหน่วยงานที่มีวัตถุประสงค์ทางวิชาการ
มาตรา ๔ การชุมนุมสาธารณะในระหว่างเวลาที่มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินหรือประกาศใช้กฎอัยการศึก และการชุมนุมสาธารณะที่จัดขึ้นเพื่อประโยชน์ในการหาเสียงเลือกตั้งในช่วงเวลาที่มีการเลือกตั้ง ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น
มาตรา ๕ ในพระราชบัญญัตินี้
“การชุมนุมสาธารณะ”
หมายความว่า การชุมนุมของบุคคลในที่สาธารณะเพื่อเรียกร้อง
สนับสนุน คัดค้าน หรือแสดงความคิดเห็นในเรื่องใด ๆ โดยแสดงออกต่อประชาชนทั่วไป
และบุคคลอื่นสามารถเข้าร่วมการชุมนุมนั้นได้ ไม่ว่าการชุมนุมนั้นจะมีการเดินขบวนหรือเคลื่อนย้ายด้วยหรือไม่
“ที่สาธารณะ”
หมายความว่า ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างอันเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินที่ใช้เพื่อสาธารณประโยชน์หรือสงวนไว้เพื่อประโยชน์ร่วมกันหรือที่หน่วยงานของรัฐมิได้เป็นเจ้าของแต่เป็นผู้ครอบครองหรือใช้ประโยชน์
บรรดาซึ่งประชาชนมีความชอบธรรมที่จะเข้าไปได้
รวมตลอดทั้งทางหลวงและทางสาธารณะ
“ทางหลวง” หมายความว่า
ทางหลวงตามกฎหมายว่าด้วยทางหลวง
“ทางสาธารณะ” หมายความว่า
ทางบกหรือทางน้ำสำหรับประชาชนใช้ในการจราจร
และให้หมายความรวมถึงทางรถระบบรางที่มีรถเดินสำหรับประชาชนโดยสารด้วย
“ผู้จัดการชุมนุม”
หมายความว่า ผู้จัดให้มีการชุมนุมสาธารณะ และให้หมายความรวมถึงผู้ประสงค์จะจัดการชุมนุมสาธารณะตามมาตรา
๑๐ วรรคสอง และผู้ซึ่งเชิญชวนหรือนัดหมายให้ผู้อื่นมาร่วมการชุมนุมสาธารณะโดยแสดงออกหรือทำให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนเป็นผู้จัดหรือร่วมจัดให้มีการชุมนุมนั้น
“ผู้ชุมนุม”
หมายความรวมถึง ผู้จัดการชุมนุม และผู้เข้าร่วมการชุมนุมสาธารณะไม่ว่าจะเข้าร่วมการชุมนุมสาธารณะนั้นตามคำเชิญชวนหรือนัดหมายของผู้จัดการชุมนุมหรือไม่
“หน่วยงานของรัฐ”
หมายความว่า ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การของรัฐบาล องค์การมหาชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
องค์กรตามรัฐธรรมนูญ และหน่วยงานอื่นของรัฐ
“ผู้รับแจ้ง” หมายความว่า
หัวหน้าสถานีตำรวจแห่งท้องที่ที่มีการชุมนุมสาธารณะหรือบุคคลอื่น ทั้งนี้
ตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดให้เป็นผู้มีหน้าที่รับแจ้งการชุมนุมสาธารณะตามพระราชบัญญัตินี้
“รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๖ ให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
และให้มีอำนาจออกประกาศเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
ประกาศนั้น
เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
หมวด ๑
บททั่วไป
มาตรา ๗
การชุมนุมสาธารณะต้องเป็นไปโดยสงบและปราศจากอาวุธ
การชุมนุมสาธารณะใดมีการขัดขวางหรือกีดขวางมิให้ประชาชนใช้ทางหลวงหรือทางสาธารณะได้ตามปกติโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้มีอำนาจหน้าที่ดูแลรักษาทางนั้น
หรือทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเกินที่พึงคาดหมายได้ว่าเป็นไปตามปกติและเหตุอันควร
หรือมีการละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลอื่น
หรือมีการกระทำการใด ๆ อันอาจก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง
ไม่เป็นการชุมนุมสาธารณะโดยสงบ
มาตรา ๘ การชุมนุมสาธารณะภายในรัศมีห้าร้อยเมตรจากปริมณฑลของสถานที่ดังต่อไปนี้จะกระทำมิได้
(๑) ที่ประทับของพระมหากษัตริย์
พระราชินี พระรัชทายาท และพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นพระองค์เจ้าขึ้นไป
(๒) ที่พำนักของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
(๓) ที่พำนักของพระราชอาคันตุกะ
ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้พื้นที่ตามวรรคหนึ่งเป็นพื้นที่ห้ามการชุมนุมสาธารณะเด็ดขาด
และให้จัดทำป้ายแสดงอาณาเขตของพื้นที่ดังกล่าวไว้โดยรอบพื้นที่นั้นด้วย
มาตรา ๙ การชุมนุมสาธารณะต้องไม่กีดขวางการเข้าออกหรือการเปิดทำการตามปกติของสถานที่ดังต่อไปนี้
เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากเจ้าของ ผู้ครอบครอง หรือผู้มีอำนาจหน้าที่ดูแลรักษาสถานที่นั้น
(๑) รัฐสภา ทำเนียบรัฐบาล ศาล
(๒) สถานที่ทำการของหน่วยงานของรัฐ
(๓) โรงพยาบาล สถานศึกษา
และศาสนสถาน
(๔) ท่าอากาศยาน ท่าเรือ
สถานีรถไฟ หรือสถานีขนส่งสาธารณะ
(๕)
สถานทูตหรือสถานกงสุลของรัฐต่างประเทศ
(๖) สถานที่ทำการขององค์การระหว่างประเทศ
มาตรา ๑๐ ในกรณีที่เห็นสมควร
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอาจจัดให้มีสถานที่เพื่อใช้สำหรับการชุมนุมสาธารณะก็ได้
ในการจัดให้มีสถานที่สำหรับการชุมนุมสาธารณะตามวรรคหนึ่ง
ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นคำนึงถึงผลกระทบต่อความสะดวกของประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะนั้นด้วย
การจัดให้มีสถานที่เพื่อการชุมนุมสาธารณะตามมาตรานี้ไม่กระทบต่อเสรีภาพของประชาชนที่จะจัดการชุมนุมสาธารณะในที่สาธารณะอื่น
มิให้นำความในหมวด
๒ การแจ้งการชุมนุมสาธารณะ มาใช้บังคับแก่การชุมนุมสาธารณะในบริเวณสถานที่ตามวรรคหนึ่ง
หมวด ๒
การแจ้งการชุมนุมสาธารณะ
มาตรา ๑๑ ผู้ใดประสงค์จะจัดการชุมนุมสาธารณะดังต่อไปนี้ ให้มีหนังสือแจ้งการชุมนุมต่อผู้รับแจ้งก่อนเริ่มการชุมนุมไม่น้อยกว่าสี่สิบแปดชั่วโมง
(๑) การชุมนุมสาธารณะบริเวณใกล้เคียงกับปริมณฑลของสถานที่ตามมาตรา
๘
(๒) การชุมนุมสาธารณะบริเวณใกล้เคียงกับสถานที่ตามมาตรา
๙ (๑) (๔) (๕) หรือ (๖)
(๓) การชุมนุมสาธารณะที่อาจมีการใช้ทางหลวงหรือทางสาธารณะในการชุมนุม
ให้ถือว่าผู้เชิญชวนหรือนัดหมายให้ผู้อื่นมาร่วมชุมนุมในวัน
เวลา และสถานที่ที่กำหนด
รวมทั้งผู้ขออนุญาตใช้สถานที่หรือเครื่องขยายเสียงหรือขอให้ทางราชการอำนวยความสะดวกในการชุมนุม
เป็นผู้ประสงค์จะจัดการชุมนุมสาธารณะตามวรรคหนึ่ง
หนังสือแจ้งการชุมนุมสาธารณะให้เป็นไปตามแบบที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด
มาตรา ๑๒
ให้ผู้รับแจ้งเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๑๓ ในกรณีที่ผู้รับแจ้งเห็นว่าการชุมนุมสาธารณะใดไม่เป็นการชุมนุมสาธารณะโดยสงบตามมาตรา
๗ หรือต้องห้ามตามมาตรา ๘ หรือไม่เป็นไปตามมาตรา ๙ ให้ผู้รับแจ้งยื่นคำขอต่อศาลเพื่อมีคำสั่งห้ามการชุมนุมโดยไม่ชักช้า
ให้ศาลพิจารณาคำขอเพื่อมีคำสั่งห้ามการชุมนุมตามวรรคหนึ่งเป็นการด่วนคำสั่งของศาลตามมาตรานี้ให้เป็นที่สุด
มาตรา ๑๔
ให้ผู้ประสงค์จะจัดการชุมนุมสาธารณะซึ่งไม่สามารถแจ้งการชุมนุมได้ภายในกำหนดเวลาตามมาตรา
๑๑ มีหนังสือแจ้งการชุมนุมพร้อมคำขอผ่อนผันกำหนดเวลาดังกล่าวต่อผู้บัญชาการตำรวจนครบาลในกรุงเทพมหานคร
หรือผู้ว่าราชการจังหวัดในจังหวัดอื่น
แล้วแต่กรณี ก่อนเริ่มการชุมนุม
ให้ผู้รับคำขอมีหนังสือแจ้งผลการพิจารณาคำขอผ่อนผันกำหนดเวลาพร้อมด้วยเหตุผลให้ผู้ยื่นคำขอทราบภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงนับแต่เวลาที่ได้รับคำขอ
ในกรณีที่ผู้ยื่นคำขอไม่พอใจผลการพิจารณา
ให้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อพิจารณาภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งผลการพิจารณาตามวรรคสอง
คำสั่งของศาลตามมาตรานี้ให้เป็นที่สุด
มาตรา ๑๕ การชุมนุมสาธารณะที่ศาลมีคำสั่งห้ามการชุมนุม หรือที่จัดขึ้นหลังจากที่ผู้ยื่นคำขอได้รับหนังสือแจ้งว่าไม่มีเหตุผลอันสมควรที่จะผ่อนผันกำหนดเวลาตามมาตรา
๑๔ หรือที่จัดขึ้นระหว่างรอคำสั่งศาลตามมาตรา ๑๓ หรือมาตรา ๑๔ ให้ถือว่าเป็นการชุมนุมสาธารณะที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
หมวด ๓
หน้าที่ของผู้จัดการชุมนุมและผู้ชุมนุม
มาตรา ๑๖ ผู้จัดการชุมนุมมีหน้าที่ ดังต่อไปนี้
(๑)
อยู่ร่วมการชุมนุมสาธารณะตลอดระยะเวลาการชุมนุม
(๒)
ดูแลและรับผิดชอบการชุมนุมสาธารณะให้เป็นไปโดยสงบและปราศจากอาวุธ
(๓) ดูแลและรับผิดชอบการชุมนุมสาธารณะไม่ให้เกิดการขัดขวางประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะ
ตลอดจนดูแลและรับผิดชอบให้ผู้ชุมนุมปฏิบัติตามมาตรา ๑๗
(๔)
ประกาศหน้าที่ของผู้ชุมนุมตามมาตรา ๑๗ และเงื่อนไขหรือคำสั่งของผู้รับแจ้งและเจ้าพนักงานตามมาตรา
๒๐ ให้ผู้ชุมนุมทราบและให้ประกาศซ้ำตามระยะเวลาที่ผู้รับแจ้งกำหนด
(๕) ให้ความร่วมมือกับเจ้าพนักงานตามมาตรา
๒๐ ในการดูแลการชุมนุมสาธารณะให้เป็นไปตาม
(๒) และ (๓)
(๖)
ไม่ยุยงส่งเสริมหรือชักจูงผู้ชุมนุมเพื่อให้ผู้ชุมนุมไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๑๗
มาตรา ๑๗ ผู้ชุมนุมมีหน้าที่ ดังต่อไปนี้
(๑)
ไม่ก่อให้เกิดความไม่สะดวกของประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะนั้นตามปกติ
(๒)
ไม่ปิดบังหรืออำพรางตนโดยจงใจมิให้มีการระบุตัวบุคคลได้ถูกต้อง
(๓) ไม่พาอาวุธเข้าไปในบริเวณที่มีการชุมนุม
ไม่ว่าจะได้รับอนุญาตให้พกพาอาวุธนั้นหรือไม่
(๔)
ไม่บุกรุกหรือทำให้เสียหายหรือทำลายด้วยประการใด ๆ ซึ่งทรัพย์สินของผู้อื่น
(๕) ไม่ทำให้ผู้อื่นกลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต
ร่างกาย ทรัพย์สิน หรือเสรีภาพ
(๖)
ไม่ทำให้ผู้อื่นได้รับความเดือดร้อนเกินที่พึงคาดหมายได้ว่าเป็นไปตามปกติและเหตุอันควร
(๗)
ไม่ใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายผู้อื่น
(๘) ไม่ขัดขวางหรือกระทำการใด
ๆ อันเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติหน้าที่ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายเพื่อรักษาความมั่นคงของชาติ
ความปลอดภัยสาธารณะ ความสงบเรียบร้อย ศีลธรรมอันดี หรืออนามัยของประชาชน
ความสะดวกของประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะ การคุ้มครองสิทธิหรือเสรีภาพตามกฎหมายของบุคคลอื่น
หรือการคุ้มครองการชุมนุมสาธารณะนั้น
(๙)
ปฏิบัติตามเงื่อนไขหรือคำสั่งของเจ้าพนักงานตามมาตรา ๒๐
มาตรา ๑๘
ในกรณีที่ผู้จัดการชุมนุมมิได้แจ้งว่าจะมีการเดินขบวนหรือเคลื่อนย้าย
ผู้ชุมนุมจะเดินขบวนหรือเคลื่อนย้ายการชุมนุมได้ต่อเมื่อได้รับความเห็นชอบจากหัวหน้าสถานีตำรวจซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบดูแลการชุมนุมสาธารณะนั้น
มาตรา ๑๙
ผู้ชุมนุมต้องเลิกการชุมนุมสาธารณะภายในระยะเวลาที่ผู้จัดการชุมนุมได้แจ้งไว้ต่อผู้รับแจ้ง
ภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงก่อนสิ้นสุดระยะเวลาตามวรรคหนึ่ง
หากผู้จัดการชุมนุมประสงค์จะจัดให้มีการชุมนุมต่อไป
ให้แจ้งขอขยายระยะเวลาการชุมนุมต่อผู้รับแจ้ง
หมวด ๔
การคุ้มครองความสะดวกและความปลอดภัยของประชาชนและการชุมนุมสาธารณะ
และการดูแลการชุมนุมสาธารณะ
ส่วนที่ ๑
การคุ้มครองความสะดวกและความปลอดภัยของประชาชนและการชุมนุมสาธารณะ
มาตรา ๒๐
ให้หัวหน้าสถานีตำรวจแห่งท้องที่ที่มีการชุมนุมสาธารณะและผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากหัวหน้าสถานีตำรวจ
เป็นเจ้าพนักงานอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะนั้น
และอาจแจ้งพนักงานฝ่ายปกครองหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งท้องที่ที่มีการชุมนุมสาธารณะ
หรือหน่วยงานประชาสัมพันธ์ของรัฐหรือเอกชนในท้องที่นั้นเพื่อทราบด้วยก็ได้
ในกรณีที่เห็นสมควร
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอาจแต่งตั้งข้าราชการตำรวจเป็นเจ้าพนักงานอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะนั้นแทนเจ้าพนักงานตามวรรคหนึ่งก็ได้
เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่
ให้เจ้าพนักงานตามวรรคหนึ่งมีอำนาจหน้าที่
ดังต่อไปนี้
(๑)
อำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะอันเป็นสถานที่ชุมนุม
(๒)
อำนวยความสะดวกในการจราจรและการขนส่งสาธารณะในบริเวณที่มีการชุมนุมและบริเวณใกล้เคียงเพื่อให้ประชาชนได้รับผลกระทบจากการชุมนุมน้อยที่สุด
(๓)
กำหนดเงื่อนไขหรือมีคำสั่งให้ผู้จัดการชุมนุมหรือผู้ชุมนุมปฏิบัติตามเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ตาม
(๑) หรือ (๒)
ในการปฏิบัติหน้าที่ตาม
(๒) เจ้าพนักงานตามวรรคหนึ่งอาจมีคำสั่งให้ปิดการจราจรได้
แต่ให้กระทำได้เฉพาะในบริเวณอันจำกัดและเพื่อความปลอดภัยของผู้ชุมนุมและประชาชน
และต้องหารือกับหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องก่อน
เจ้าพนักงานตามวรรคหนึ่งต้องผ่านการฝึกอบรมให้มีทักษะ
ความเข้าใจและอดทนต่อสถานการณ์การชุมนุมสาธารณะ และต้องแต่งเครื่องแบบเพื่อแสดงตน
และอาจใช้เครื่องมือควบคุมฝูงชนได้ตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด
มาตรา ๒๑ ก่อนและระหว่างการชุมนุมสาธารณะ
ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานประชาสัมพันธ์ของรัฐจัดหรือประสานให้มีการประชาสัมพันธ์เป็นระยะตามความเหมาะสมเพื่อให้ประชาชนทราบถึงสถานที่ที่ใช้ในการชุมนุมและช่วงเวลาที่มีการชุมนุม
ตลอดจนคำแนะนำเกี่ยวกับเส้นทางการจราจรหรือระบบการขนส่งสาธารณะที่จะช่วยให้ประชาชนได้รับผลกระทบจากการชุมนุมน้อยที่สุด
ส่วนที่ ๒
การดูแลการชุมนุมสาธารณะ
มาตรา ๒๒ ให้หัวหน้าสถานีตำรวจแห่งท้องที่ที่มีการชุมนุมสาธารณะและผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากหัวหน้าสถานีตำรวจ
เป็นเจ้าพนักงานรับผิดชอบดูแลการชุมนุมสาธารณะให้เป็นไปตามความในหมวด
๓ แห่งพระราชบัญญัตินี้
ในกรณีที่เห็นสมควร
รัฐมนตรีหรือผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอาจแต่งตั้งข้าราชการคนหนึ่งเป็นเจ้าพนักงานรับผิดชอบดูแลการชุมนุมสาธารณะดังกล่าวแทนเจ้าพนักงานตามวรรคหนึ่งก็ได้
ให้นำความในมาตรา
๒๐ วรรคห้า มาใช้บังคับแก่เจ้าพนักงานตามวรรคหนึ่งและวรรคสองโดยอนุโลม
มาตรา ๒๓ ในกรณีที่ได้รับการร้องขอจากผู้จัดการชุมนุม ให้เจ้าพนักงานตามมาตรา
๒๒ เข้าไปรักษาความปลอดภัยหรืออำนวยความสะดวกแก่ผู้ชุมนุมในสถานที่ชุมนุมและในช่วงเวลาการชุมนุม
และให้รายงานผู้บัญชาการตำรวจนครบาลในกรุงเทพมหานครหรือผู้ว่าราชการจังหวัดในจังหวัดอื่น
เพื่อทราบด้วย
มาตรา ๒๔
ในกรณีมีการชุมนุมสาธารณะที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา ๑๕ หรือมีการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา
๗ มาตรา ๘ มาตรา ๙ มาตรา ๑๖ มาตรา ๑๗ มาตรา ๑๘ หรือมาตรา
๑๙ ในระหว่างที่มีการชุมนุมสาธารณะ ให้เจ้าพนักงานตามมาตรา ๒๒ ดำเนินการดังต่อไปนี้
(๑)
กรณีการชุมนุมสาธารณะที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา ๑๕ หรือผู้ชุมนุมไม่ปฏิบัติตามมาตรา
๑๙ ให้ประกาศให้ผู้ชุมนุมเลิกการชุมนุมภายในระยะเวลาที่กำหนด
(๒) กรณีมีการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา
๗ มาตรา ๘ มาตรา ๙ มาตรา ๑๖ มาตรา
๑๗ หรือมาตรา ๑๘ ให้ประกาศให้ผู้ชุมนุมแก้ไขกรณีดังกล่าวภายในระยะเวลาที่กำหนด
หากผู้ชุมนุมไม่ปฏิบัติตามประกาศดังกล่าว
ให้เจ้าพนักงานตามมาตรา ๒๒ ร้องขอต่อศาลเพื่อมีคำสั่งให้ผู้ชุมนุมเลิกการชุมนุมสาธารณะนั้น
ในระหว่างรอคำสั่งศาล ให้เจ้าพนักงานตามมาตรา
๒๒ มีอำนาจกระทำการที่จำเป็นตามแผนหรือแนวทางการควบคุมการชุมนุมสาธารณะที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบตามข้อเสนอแนะของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทั้งนี้
เพื่อให้การชุมนุมสาธารณะเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย
ไม่กระทบกระเทือนต่อความมั่นคงของชาติ ความปลอดภัยสาธารณะ
ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีตลอดจนสุขอนามัยของประชาชน หรือความสะดวกของประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะ
และไม่กระทบกระเทือนสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น
ในการปฏิบัติตามแผนหรือแนวทางการควบคุมการชุมนุมสาธารณะที่จะกำหนดขึ้นตามวรรคสอง
ให้เจ้าพนักงานหลีกเลี่ยงการใช้กำลัง หรือหากไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
ให้ใช้กำลังหรือเครื่องมือควบคุมฝูงชนได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นแก่สถานการณ์
การดำเนินการของเจ้าพนักงานตามมาตรา
๒๒ ไม่ตัดสิทธิของผู้อื่นซึ่งได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายจากการชุมนุมสาธารณะนั้นที่จะร้องขอต่อศาลเพื่อมีคำสั่งให้ผู้ชุมนุมเลิกการชุมนุม
มาตรา ๒๕
เมื่อได้รับคำขอให้มีคำสั่งให้ผู้ชุมนุมเลิกการชุมนุมสาธารณะให้ศาลพิจารณาคำขอนั้นเป็นการด่วน
ในการพิจารณา
หากความปรากฏต่อศาลว่าการชุมนุมสาธารณะนั้นเป็นการชุมนุมสาธารณะที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา
๑๕ หรือผู้จัดการชุมนุมหรือผู้ชุมนุมฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา
๗ มาตรา ๘ มาตรา ๙ มาตรา ๑๖ มาตรา ๑๗ มาตรา ๑๘ หรือมาตรา
๑๙ แล้วแต่กรณี ให้ศาลมีคำสั่งโดยออกคำบังคับให้ผู้ชุมนุมเลิกการชุมนุมสาธารณะหรือยุติการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายภายในระยะเวลาที่ศาลกำหนด
คำสั่งศาลตามมาตรานี้ให้เป็นที่สุด
ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีปิดประกาศคำสั่งศาลตามมาตรานี้ไว้ในที่แลเห็นได้ง่ายณ
บริเวณที่มีการชุมนุมสาธารณะนั้น และประกาศโดยวิธีการใด ๆ เพื่อให้ผู้ชุมนุมและประชาชนทั่วไปได้รับทราบด้วย
มาตรา ๒๖
ในกรณีที่ผู้ชุมนุมไม่เลิกการชุมนุมสาธารณะตามคำสั่งศาลให้เจ้าพนักงานตามมาตรา
๒๒ ประกาศกำหนดให้พื้นที่บริเวณที่มีการชุมนุมสาธารณะนั้นเป็นพื้นที่ควบคุมและประกาศให้ผู้ชุมนุมออกจากพื้นที่ควบคุมโดยเร็ว
และให้รายงานรัฐมนตรีเพื่อทราบ
เมื่อมีการประกาศกำหนดพื้นที่ควบคุมตามวรรคหนึ่ง
ให้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลในกรุงเทพมหานคร
ผู้ว่าราชการจังหวัดในจังหวัดอื่น หรือผู้ซึ่งรัฐมนตรีมอบหมายให้รับผิดชอบ
เป็นผู้ควบคุมสถานการณ์เพื่อให้มีการเลิกการชุมนุมสาธารณะตามคำสั่งศาล
มาตรา ๒๗
เมื่อพ้นระยะเวลาที่ประกาศให้ผู้ชุมนุมออกจากพื้นที่ควบคุมหากยังมีผู้ชุมนุมอยู่ในพื้นที่ควบคุม
ให้ถือว่าผู้นั้นกระทำความผิดซึ่งหน้า และให้ผู้ควบคุมสถานการณ์ดำเนินการให้มีการเลิกการชุมนุม
โดยให้ผู้ควบคุมสถานการณ์และผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้ควบคุมสถานการณ์มีอำนาจค้นและจับผู้ซึ่งยังอยู่ในพื้นที่ควบคุม
ยึดหรืออายัดทรัพย์สินที่ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการชุมนุมสาธารณะนั้น
หรือกระทำการที่จำเป็นตามแผนหรือแนวทางการควบคุมการชุมนุมสาธารณะตามมาตรา
๒๔
ให้นำความในมาตรา ๒๐ วรรคห้า
มาใช้บังคับแก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ตามวรรคหนึ่งโดยอนุโลม
มาตรา ๒๘ ในกรณีที่ปรากฏว่าผู้ชุมนุมกระทำการใด ๆ
ที่มีลักษณะรุนแรงและอาจเป็นอันตรายแก่ชีวิต
ร่างกาย จิตใจ หรือทรัพย์สินของผู้อื่นจนเกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง
ให้เจ้าพนักงานตามมาตรา ๒๒ มีอำนาจสั่งให้ผู้ชุมนุมยุติการกระทำนั้นหากผู้ชุมนุมไม่ปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าว
ให้เจ้าพนักงานตามมาตรา ๒๒ และผู้ควบคุมสถานการณ์
และผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้ควบคุมสถานการณ์มีอำนาจดำเนินการตามมาตรา
๒๖ และมาตรา
๒๗ โดยอนุโลม
ในกรณีที่ผู้ชุมนุมไม่เห็นด้วยกับคำสั่งตามวรรคหนึ่ง
ให้ยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาลเพื่อพิจารณาภายในสามสิบวันนับแต่วันมีคำสั่ง
คำสั่งของศาลตามมาตรานี้ให้เป็นที่สุด
มาตรา ๒๙ ให้เจ้าพนักงานตามมาตรา ๒๐ และมาตรา ๒๒
และผู้ควบคุมสถานการณ์ตามมาตรา
๒๗ และผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้ควบคุมสถานการณ์ เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา
หมวด ๕
บทกำหนดโทษ
มาตรา ๓๐ ผู้ประสงค์จะจัดการชุมนุมสาธารณะผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา
๑๑ หรือมาตรา ๑๔ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท
มาตรา ๓๑ ผู้ใดจัด เชิญชวน หรือนัดหมายให้ผู้อื่นเข้าร่วมการชุมนุมสาธารณะที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา
๑๕ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๓๒ ผู้จัดการชุมนุมผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๑๖ (๑)
(๒) (๓) (๔) หรือ (๕) หรือผู้ชุมนุมผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา
๑๗ (๑) (๒) (๓) (๖) (๘) หรือ (๙) หรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขหรือคำสั่งของผู้รับแจ้งหรือเจ้าพนักงานตามมาตรา
๒๐ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท
มาตรา ๓๓ ผู้จัดการชุมนุมผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๑๖ (๖)
หรือผู้ชุมนุมผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา
๑๗ (๔) (๕) หรือ (๗) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๓๔ ผู้ใดโฆษณาหรือประกาศก่อนหรือในระหว่างการชุมนุมสาธารณะให้ผู้ชุมนุมใช้กำลังประทุษร้ายผู้อื่น
หรือให้กระทำการใด ๆ อันเป็นการละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลอื่น
หรือให้กระทำการใด ๆ อันอาจก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน
หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๓๕
ผู้ใดเข้าร่วมการชุมนุมสาธารณะที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา
๑๕ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท
ผู้ชุมนุมซึ่งออกจากพื้นที่ควบคุมภายในระยะเวลาที่เจ้าพนักงานตามมาตรา
๒๒ ประกาศกำหนดตามมาตรา
๒๖ ไม่ต้องรับโทษสำหรับการกระทำความผิดนั้น
มาตรา ๓๖
ผู้ชุมนุมซึ่งเข้าร่วมการชุมนุมสาธารณะที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา
๑๕ และไม่ออกจากพื้นที่ควบคุมภายในระยะเวลาที่เจ้าพนักงานตามมาตรา ๒๒ ประกาศกำหนดตามมาตรา
๒๖ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
ในกรณีที่เห็นสมควร
ศาลจะลงโทษผู้นั้นน้อยกว่าที่กำหนดหรือจะไม่ลงโทษก็ได้
มาตรา ๓๗ ผู้ใดไม่ได้รับมอบหมายจากเจ้าพนักงานตามมาตรา
๒๐ หรือมาตรา
๒๒ หรือจากผู้ควบคุมสถานการณ์ตามมาตรา ๒๖ ให้ปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้พาอาวุธเข้าไปในที่ชุมนุม
ไม่ว่าจะได้รับอนุญาตให้พกพาอาวุธนั้นหรือไม่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี
หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ถ้าอาวุธตามวรรคหนึ่งเป็นอาวุธปืน
วัตถุระเบิด หรือวัตถุอื่นใดอันมีสภาพคล้ายคลึงกัน
ผู้กระทำความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๓๘
บรรดาทรัพย์สินที่ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการชุมนุมสาธารณะที่ยึดได้จากการชุมนุมสาธารณะที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายให้ริบเสียทั้งสิ้น
ไม่ว่าจะมีผู้ถูกลงโทษตามคำพิพากษาหรือไม่
บทเฉพาะกาล
มาตรา ๓๙
การชุมนุมสาธารณะที่จัดขึ้นก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับ
ให้ดำเนินการต่อไปได้โดยไม่ต้องแจ้งการชุมนุมสาธารณะตามความในหมวด
๒ แห่งพระราชบัญญัตินี้ แต่การอื่นให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
................................................
นายกรัฐมนตรี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น