อย่างเรื่อง “มอบอำนาจ” กับ
“มอบหมาย” ในกฎหมาย
ผู้เขียนเชื่อว่าคนจำนวนมากคงเข้าใจว่ามันก็เหมือนกันนั่นแหละเพราะ “มอบ” เหมือนกัน
แต่ผลมันต่างกันนะครับ
“มอบอำนาจ” นี่ผู้มอบต้องมีอำนาจในการทำเรื่องใดเรื่องหนึ่งก่อน
อย่างเช่นมอบอำนาจในการทำนิติกรรมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ผู้มอบต้องมีความสามารถและมีอำนาจในการทำนิติกรรมตามที่กฎหมายกำหนดก่อน จึงจะมอบอำนาจนั้นให้ผู้อื่นไปใช้แทนตัวได้ คนไร้ความสามารถ ก็ดี คนเสมือนไร้ความสามารถก็ดี ถือว่าไม่มีความสามารถในการทำนิติกรรม จะมอบอำนาจให้ใครไปทำอะไรต่อมิอะไรไม่ได้ หรืออย่างผู้เยาว์นี่มีความสามารถจำกัด มอบได้บางเรื่องตามที่กฎหมายกำหนดครับ
ปกตินั้นการมอบอำนาจเขาจะมอบกันเป็นเรื่อง ๆ ไปว่าให้ผู้รับมอบอำนาจไปทำเรื่องนั้นเรื่องนี้แทนซึ่งต้องระบุไว้ให้ชัด บางเรื่องที่ต้องทำเองเฉพาะตัวนี่โดยสภาพก็มอบไม่ได้นะครับ อย่างให้ไปแต่งงานแทนนี่ทำไม่ได้ ต้องทำเอง เหตุผลคงชัดเจนอยู่ในตัวแล้วนะครับ อิอิ
สำหรับผลของการมอบอำนาจนั้น ผู้มอบมีอำนาจแค่ไหน ก็มอบได้แค่นั้นนะครับ และเมื่อมอบอำนาจไปแล้ว ผู้มอบอำนาจย่อมถูกผูกพันหรือมีความรับผิดในการเรื่องที่ผู้รับมอบอำนาจไปตามที่ได้รับมอบมาด้วย จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ และสิ่งที่ผู้รับมอบอำนาจจะกระทำได้ก็เฉพาะแต่ในขอบอำนาจที่ได้รับมอบมา ถ้าทำเกินที่มอบอำนาจ (ultra vires) ก็ไม่ผูกพันผู้มอบ แถมต้องรับผิดชอบเป็นการส่วนตัว
ปกตินั้นการมอบอำนาจเขาจะมอบกันเป็นเรื่อง ๆ ไปว่าให้ผู้รับมอบอำนาจไปทำเรื่องนั้นเรื่องนี้แทนซึ่งต้องระบุไว้ให้ชัด บางเรื่องที่ต้องทำเองเฉพาะตัวนี่โดยสภาพก็มอบไม่ได้นะครับ อย่างให้ไปแต่งงานแทนนี่ทำไม่ได้ ต้องทำเอง เหตุผลคงชัดเจนอยู่ในตัวแล้วนะครับ อิอิ
สำหรับผลของการมอบอำนาจนั้น ผู้มอบมีอำนาจแค่ไหน ก็มอบได้แค่นั้นนะครับ และเมื่อมอบอำนาจไปแล้ว ผู้มอบอำนาจย่อมถูกผูกพันหรือมีความรับผิดในการเรื่องที่ผู้รับมอบอำนาจไปตามที่ได้รับมอบมาด้วย จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ และสิ่งที่ผู้รับมอบอำนาจจะกระทำได้ก็เฉพาะแต่ในขอบอำนาจที่ได้รับมอบมา ถ้าทำเกินที่มอบอำนาจ (ultra vires) ก็ไม่ผูกพันผู้มอบ แถมต้องรับผิดชอบเป็นการส่วนตัว
การมอบอำนาจตามกฎหมายอื่นก็เป็นอย่างเดียวกันกับหลักที่ว่าไว้ข้างต้นนี่แหละครับ คือถ้ามีอำนาจก็สามารถมอบอำนาจได้ ซึ่งถ้าดูมาตรา ๓ แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการมอบอำนาจ พ.ศ. 2550 เขากำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการมอบอำนาจไว้ชัดเจนว่า
ถ้ากฎหมาย กฎ ระเบียบ ประกาศ หรือคำสั่ง หรือมติของคณะรัฐมนตรีในเรื่องนั้นมิได้กำหนดเรื่องการมอบอำนาจไว้เป็นอย่างอื่น
หรือมิได้ห้ามการมอบอำนาจไว้
ผู้มีอำนาจย่อมมีดุลพินิจที่จะมอบอำนาจให้แก่ผู้รับมอบอำนาจเพื่อปฏิบัติราชการแทนตนทั้งหมดหรือบางส่วนตามที่ได้รับมอบอำนาจก็ได้
โดยมาตรา 40 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2550 ได้กำหนดว่าผู้มอบอำนาจมีหน้าที่ที่จะต้องกำกับดูแลและติดตามผลการปฏิบัติราชการของผู้รับมอบอำนาจ
ตลอดจนให้คำแนะนำหรือแก้ไขการปฏิบัติราชการของผู้รับมอบอำนาจด้วย ไม่ใช่มอบแล้วมอบเลย ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรอย่างที่ใคร ๆ เข้าใจผิดกัน
ส่วนการ “มอบหมาย” นั้นเป็นกรณีที่มีกฎหมายกำหนดบทบัญญัติไว้เป็นการเฉพาะให้ผู้ดำรงตำแหน่งที่กำหนดหรือบุคคลอื่นซึ่งได้รับมอบหมายมีอำนาจหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดภายในกรอบวัตถุประสงค์และอำนาจที่กฎหมายได้ให้ไว้
เช่น มอบหมายให้เป็นผู้อนุญาต มอบหมายให้เข้าประชุมแทน และเมื่อมีการมอบหมายแล้ว ผู้รับมอบหมายจะมีอำนาจหน้าที่ตามที่กฎหมายนั้นได้บัญญัติให้อำนาจไว้ในฐานะที่เป็นอำนาจของตนเอง
รวมทั้งสามารถใช้ดุลพินิจในการตัดสินใจได้ในนามของตนเองภายใต้กรอบวัตถุประสงค์และขอบเขตของภารกิจที่ได้รับมอบหมายนั้นหรือตามที่กฎหมายกำหนดไว้เป็นการเฉพาะ
เห็นความแตกต่างไหม
***********
ความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา
(กรรมการร่างกฎหมาย กองที่ 1) เรื่องเสร็จที่ 102/2493
ความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา
(คณะที่ 2) เรื่องเสร็จที่ 74/2554
ความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา
(คณะที่ 1) ในเรื่องเสร็จที่ 135/2551
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น