ปกรณ์
นิลประพันธ์
สักพักหนึ่งก่อนที่จะลงมือเขียนบทความนี้
ผมไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำและเหลือบไปเห็นป้ายอยู่ป้ายหนึ่งติดอยู่ที่ผนังห้องน้ำ
ป้ายนี้เก่าคร่ำคร่า
สีกระดำกระด่าง คงติดมานานแล้ว เป็นป้ายห้ามสูบบุหรี่พร้อมข้อความว่า “เขตปลอดบุหรี่
โปรดงดสูบบุหรี่ ฝ่าฝืนโทษปรับ 2,000 บาท” ครับ ผมไม่ค่อยได้สนใจป้ายนี้เพราะไม่สูบบุหรี่และที่ผ่าน
ๆ มาก็ไม่เคยได้กลิ่นบุหรี่ในห้องน้ำ เรียกว่าเป็นเด็กดีกันทั้งออฟฟิศว่างั้นเถอะ
แต่คราวนี้พอจ้องมันนานเข้า
สมองก็พาลคิดไปว่าถ้ามีผู้อุตริแอบไปสูบบุหรี่ในห้องน้ำ ผมจะต้องไปบอกใครให้มาปรับละนี่
ป้ายเขาก็ไม่ได้บอกไว้ว่าให้แจ้งใคร ความสงสัยพลุ่งพล่านมากขึ้นเมื่อเสร็จธุระจึงรีบแจ้นกลับตู้ปลามาเปิดกฎหมายดู
กฎหมายที่ว่านี้ก็คือพระราชบัญญัติคุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่
พ.ศ. 2535 ครับ กฎหมายนี้เขาให้อำนาจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขประกาศเขตไม่สูบบุหรี่
ซึ่ง “สุขา” นั้นเป็นสถานที่สาธารณะที่ให้มีการคุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขนะครับ
และมาตรา 6 เขาห้ามมิให้ผู้ใดสูบบุหรี่ในเขตปลอดบุหรี่ และมาตรา 14
ให้อำนาจพนักงานสอบสวนมีอำนาจเรียบเทียบปรับครับ
ว่าง่าย
ๆ ก็คือต้องไปแจ้งตำรวจมาจับไปดำเนินคดี ถ้าเขายอมเสียค่าปรับก็จบกัน
พูดก็ดูจะง่ายอย่างว่าครับ
แต่ถ้าดูลึก ๆ แล้วจะพบว่าการเขียนกฎหมายแบบนี้กลับทำให้กฎหมายไม่เป็นกฎหมาย เพราะตามกลไกที่กำหนด
คนเหม็นบุหรี่ต้องไปแจ้งความให้ตำรวจมาจับคนสูบเสียก่อน
กว่าจะหาตำรวจได้บุหรี่คงหมดไปหลายซองแล้ว ส่วนก้นบุหรี่ก็คงลงชักโครกไปเรียบร้อยแล้ว
ถ้าจะหาหลักฐานกันจริง ๆ ก็คงเลอะเทอะกันน่าดู
ทีนี้เมื่อกลไกตามกฎหมายวุ่นวายขนาดนี้
ลองนึกถึงตัวเราครับว่าถ้าเราพบคนสูบบุหรี่ในห้องน้ำ
เราจะไปตามตำรวจมาจับคนฝ่าฝืนกฎหมาย หรือว่าเราจะเลือกกลั้นหายใจทำธุระให้เสร็จไว ๆ
แล้วรีบออกไปหายใจข้างนอก
ผมว่าถ้าเราไม่มีเหตุโกรธเคืองหมอนั่นจริง
ๆ เราคงไม่ไปตามตำรวจมาจับมัน..จริงไหมครับ
นี่เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่ากลไกตามกฎหมายบางเรื่องนั้นไม่เหมาะสมกับสภาพของเรื่องเสียเลย
จึงทำให้ไม่มีใครสนใจที่จะช่วยทำกฎหมายให้เป็นกฎหมายจนเป็นความเคยชิน และถ้าเรื่องนี้ละเลยได้
เรื่องอื่นก็ละเลยได้เช่นกัน
ตัวอย่างอีกประการหนึ่งที่ชัดเจนก็คือการข้ามถนนครับ
กฎหมายจราจรทางบกมาตรา 104 บัญญัติชัดเจนว่า ภายในระยะไม่เกิน
100 เมตรนับจากทางข้าม ห้ามมิให้คนเดินเท้าข้ามทางนอกทางข้าม โทษปรับ 200 บาทตามมาตรา
147 ครับ แต่ปัญหาเรื่องการบังคับให้เป็นไปตามกฎหมายก็เป็นทำนองเดียวกันกับเรื่องบุหรี่นี่แหละครับ
ดังนั้น จึงไม่แปลกที่จะเห็นพ่อแม่จูงลูกข้ามถนนใต้สะพานลอยเสมอ
ดังนั้น
เวลาร่างกฎหมายให้ลองนึกเสมอครับว่าเราจะกำหนดกลไกในการบังคับการให้เป็นไปตามกฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างไร
อย่าสักแต่ลอก ๆ แบบกันมา ... โลกเดี๋ยวนี้หมุนไวมาก ถ้านักร่างกฎหมายเอาแต่ลอกแบบเก่า
ๆ จะตามโลกไม่ทัน ... แล้วก็ให้ระวังไว้ด้วยครับว่าถ้าถึงวันที่เราตามโลกไม่ทัน เราคงจะสูญพันธุ์ไปในที่สุด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น