วันจันทร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2558

เกร็ดการร่างกฎหมาย 11: การเขียนอำนาจปรับทางปกครองในกฎหมาย

นายปกรณ์ นิลประพันธ์[1]

                   พระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 นั้น ได้มีผลใช้บังคับมากว่า 19 ปีแล้ว กฎหมายฉบับนี้กำหนดการดำเนินงานทางปกครองเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้บังคับกฎหมายให้สามารถรักษาประโยชน์สาธารณะได้ อำนวยความเป็นธรรมแก่ประชาชน รวมทั้งป้องกันการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ และมาตรการหนึ่งที่มีการบัญญัติไว้ในกฎหมายดังกล่าวเพื่อให้คำสั่งทางปกครองของเจ้าหน้าที่บรรลุวัตถุประสงค์ก็คือ “การปรับทางปกครอง

                   อย่างไรก็ดี ในการร่างกฎหมายนั้นยังไม่มีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนว่าควรใช้การปรับทางปกครองในกรณีใด  ดังนั้น เมื่อมีใครถามขึ้นว่าทำไมไม่ใช้การปรับทางปกครอง ผู้ตอบส่วนใหญ่ก็มักจะขายเหมากันว่าจะใช้ก็ได้ .. แล้วแต่จะเลือกใช้ตามสะดวก .. มีใช้ในกฎหมายนั้นบ้าง กฎหมายนี้บ้าง โดยแบบ (ที่ลอกมา) เขาเขียนกันอย่างนี้ ... ก็ว่ากันไป

                   แท้จริงการปรับทางปกครองนั้นเป็นมาตรการบังคับทางปกครองประการหนึ่งที่กำหนดขึ้นเพื่อให้คำสั่งทางปกครองของเจ้าหน้าที่บรรลุวัตถุประสงค์ โดยมาตรการบังคับทางปกครองอื่นที่เราคุ้นเคยและลอกกันมาจนเคยชินก็ได้แก่การพักใช้ ยกเลิก หรือเพิกถอนใบอนุญาต

                   ทั้งนี้ การปรับทางปกครองต่างจากโทษปรับทางอาญา กล่าวคือ การปรับทางปกครองมิใช่การลงโทษ หากเป็นมาตรการบังคับเพื่อให้คำสั่งทางปกครองของเจ้าหน้าที่บรรลุผลเท่านั้น และเจ้าหน้าที่เป็นผู้มีคำสั่งปรับทางปกครองได้เอง โดยไม่ต้องดำเนินคดีต่อศาลเพื่อให้ศาลลงโทษปรับ แต่เนื่องจากแปลมาจากภาษาอังกฤษว่า Administrative Penalties คนจำนวนมากที่ยึดติดกับดิกชั่นนารีอังกฤษ-ไทย ที่มีจำหน่ายในท้องตลาด (รวมทั้งนักร่างกฎหมายจำนวนมากด้วย) จึงเข้าใจและเรียกว่า "โทษปรับทางปกครอง” และทำให้เกิดความสับสนกับ “โทษปรับทางอาญา” (Fine)

                   ความสับสนข้างต้นจึงมักก่อให้เกิดคำถามอยู่เสมอว่าในการกระทำเดียวกันนั้น ถ้ากฎหมายบัญญัติให้ผู้กระทำถูกปรับทางปกครองแล้ว กฎหมายจะบัญญัติโทษปรับแก่ผู้กระทำนั้นได้อีกหรือไม่ ... ซึ่งหากผู้ถูกถามเข้าใจหลักของการปรับทางปกครองที่ว่าการปรับทางปกครองมิใช่การลงโทษ หากเป็นมาตรการบังคับเพื่อให้คำสั่งทางปกครองของเจ้าหน้าที่บรรลุผล ก็จะตอบได้ทันทีว่ากฎหมายจะบัญญัติโทษปรับแก่ผู้กระทำนั้นได้หรือไม่

                   ไม่ใช่นั่งนิ่งเป็นตุ๊กตาแบบว่า ... ผมงี้อึ้งไปเลย ... 

                   ในประเทศนอกที่พัฒนาแล้วและประเทศที่กำลังก้าวเดินไปข้างหน้านั้น เขาใช้การปรับทางปกครองกันอย่างแพร่หลายในระบบอนุมัติ อนุญาต และใบอนุญาตเพราะเจ้าหน้าที่ผู้อนุมัติ อนุญาต ออกใบอนุญาต (Regulator) สามารถออกคำสั่งปรับทางปกครองเพื่อให้คำสั่งทางปกครองของตนบรรลุผลได้ทันที ไม่ต้องวุ่นวายไปดำเนินคดีอาญาให้เหนื่อยยากซึ่งต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายมาก และกระบวนการบังคับเอาค่าปรับทางปกครองของเขาก็ไว เพราะมิได้อิงกับกฎหมายวิธีพิจารณาความอย่างกฎหมายวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองของเรา เพราะเขาเห็นว่าการบังคับเอาค่าปรับทางปกครองนั้นมิใช่การบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลจึงเอาวิธีการบังคับแบบศาลมาใช้ไม่ได้ อีกทั้งเอกชนก็เห็นว่าเป็นธรรม เพราะกรณีที่เจ้าหน้าที่มีอำนาจกำหนดให้ชำระค่าปรับทางปกครองนั้นเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงหรือเรื่องที่ผู้กระทำมีเจตนาร้าย (mens rea) เป็นเรื่องที่สามารถแก้ไขให้ถูกต้องได้ และเมื่อแก้ไขถูกต้องและชำระค่าปรับทางปกครองแล้วก็เป็นอันจบกัน ไม่ต้องมีประวัติอาชญากรติดตัวเหมือนการถูกลงโทษปรับทางอาญา

                   ดังนั้น การเขียนอำนาจปรับทางปกครองในร่างกฎหมายจึงไม่ซ้ำกับโทษปรับทางอาญา แต่ต้องไม่ลืมว่าการปรับทางปกครองเป็นมาตรการเพื่อให้คำสั่งทางปกครองของเจ้าหน้าที่บรรลุผลเท่านั้น อย่าได้เอามาตรฐานโทษอาญามาปรับล่ะ

                   มันคนละเรื่องกันครับพี่น้อง


                   ข้อมูลอ้างอิง
                   พระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539
                 Law Reform Commission of Saskatchewan, Administrative Penalties: Final Report, March 2012
            Australian Law Reform Commission, Principled Regulation: Federal Civil and Administrative Penalties in Australia: Final Report, March 2003





[1]กรรมการร่างกฎหมายประจำ (นักกฎหมายกฤษฎีกาทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (2558) อนึ่ง บทความนี้เป็นความเห็นทางวิชาการของผู้เขียน สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไม่จำเป็นต้องเห็นพ้องด้วย 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น