การศึกษาเป็นอะไรที่ดี เพราะทำให้ผู้คนมีความรู้ เมื่อมีความรู้ก็ทำมาหากินได้ ยิ่งทำให้คนมีความใฝ่เรียนรู้ได้มากเท่าไร คนก็จะมีความสามารถในการดำรงชีวิตและความสามารถในการหารายได้มากขึ้น ลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจได้ในระยะยาว และถ้าทำให้คนมีคุณธรรมและจริยธรรมดีด้วยแล้ว สังคมก็จะค่อย ๆ พัฒนาไปในทางที่สุขสงบมากขึ้น การจัดให้ผู้คนได้รับการศึกษาจึงเป็นเรื่องสำคัญยิ่งต่อการพัฒนาบ้านเมือง
อย่างไรก็ดี การจัดการศึกษาไม่ใช่เพียงการจัดให้ “ทั่วถึง” แต่ต้องจัดให้อย่าง “มีคุณภาพ” ด้วย เพราะการจัดการศึกษาให้ทั่วถึงนั้น แม้จะทำให้คนมีความรู้และมีคุณธรรมจริยธรรมก็จริง แต่หากปราศจาก“คุณภาพ” แล้ว การศึกษาคงเป็นการให้ความรู้และคุณธรรมจริยธรรมพื้นฐานทั่ว ๆ ไปเท่านั้น
ความแตกต่างระหว่างประเทศที่พัฒนาแล้วกับประเทศกำลังพัฒนาไม่ได้อยู่ที่ “ความทั่วถึง” ของการให้การศึกษา หากเป็นผลมาจาก “คุณภาพ” ของการศึกษา ขณะที่ประเทศพัฒนาน้อยที่สุดนั้น มีปัญหาทั้งความทั่วถึงและคุณภาพของการศึกษา
มีหลายปัจจัยในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา แต่ปัจจัยสำคัญที่สุดในทัศนะของผู้เขียนคือ “ความรับรู้ร่วมกัน” ว่า “สังคมต้องการการศึกษาที่มีคุณภาพ” แล้วร่วมกันคิดอย่างกว้างขวาง ว่าทำอย่างไรเราจะมีการศึกษาที่มีคุณภาพได้อย่างไร ที่สำคัญ ผู้เขียนเห็นว่าการคิดนี้ควรหลีกเลี่ยงวิธีคิดแบบที่ยึดติดกับรูปแบบ และวิธีการจัดการศึกษา “แบบเดิม ๆ” ที่แสดงให้เห็นอยู่ในตัวเองแล้วว่าทำให้การศึกษามีคุณภาพขึ้นได้ไม่มากนักในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา แน่นอน นั่นเพราะโลกเปลี่ยนไปแล้ว และในอัตราเร่งที่สูงมากด้วย
ผู้เขียนเห็นว่าสังคมของเรามีความรับรู้เรื่องนี้ร่วมกันมากพอสมควร แต่ยังไม่สามารถรวมกันติด จึงไม่สามารถสร้าง “พลัง” ที่จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างที่เรียกว่าปฏิรูปได้เต็มปากเต็มคำ การพัฒนาการศึกษาที่ผ่านมาจึงเป็น “การปะผุ” มากกว่าที่จะเป็นการปฏิรูปตามที่ควรจะเป็น การปฏิรูปการศึกษาที่แท้จริงจึงควรเริ่มต้นจากการสร้างความตระหนักรู้แก่สังคมเกี่ยวกับความสำคัญของคุณภาพของการศึกษา โดยไม่ต้องศึกษาวิจัยอะไรให้รกชั้นหนังสือ และไม่ต้องไปดูงานประเทศไหนอีกแล้ว
ผู้เขียนเชื่อโดยสุจริตว่าผู้เรียนของเรามีความสามารถในการเรียนรู้และมีความใฝ่รู้ในเรื่องที่แต่ละคนชื่นชอบ ถนัด และสนใจซึ่งแตกต่างหลากหลายกันไป ไม่ด้อยไปกว่าผู้เรียนในประเทศที่พัฒนาแล้ว ดังจะเห็นว่าผู้เรียนทั่ว ๆ ไปของเราที่มีโอกาสเข้าสู่ระบบการศึกษาของประเทศที่พัฒนาแล้ว ก็มีความสามารถในการเรียนรู้ไม่ต่ำไปกว่าเพื่อนฝูง หลายเรื่องดีกว่าด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นนิสัยโอบอ้อมอารี กริยามารยาทเรียบร้อย และจิตอาสา
ถ้าผู้เรียนในประเทศไทยทุกคนมีโอกาส “เท่าเทียมกัน” ที่จะได้รับการศึกษาที่ “มีคุณภาพ” ก็จะช่วยแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองการปกครองได้ในอีกสิบหรือยี่สิบปีข้างหน้าเหมือนประเทศที่พัฒนาแล้วบ้าง
นี่เป็นเป้าหมายร่วมกันของพวกเราทุกคนมิใช่หรือ
ได้เวลาลงมือแล้วหรือยัง?