ความเป็นมา
ภายหลังจากการเปลี่ยนแปลงการปกครองใหม่
ๆ นั้น ได้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการใช้คำว่า “รัฐบาล” “คณะรัฐมนตรี” และการระบุชื่อส่วนราชการอยู่เนือง
ๆ โดยกรมเลขาธิการคณะรัฐมนตรี มีหนังสือ ที่ ฏ. 1799/2485 ลงวันที่ 5 มีนาคม 2485 ถึงคณะกรรมการกฤษฎีกา ความว่า ได้มีหน่วยราชการบางหน่วยประกาศโฆษณาหรือแสดงปาฐกถาซึ่งแทนที่จะอ้างชื่อหน่วยราชการหรืออ้างตนเองกลับไปอ้างรัฐบาลเสมอ คณะรัฐมนตรีจึงมีมติเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2485 ให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาว่า เรื่องใดควรใช้คำว่า "รัฐบาล" เรื่องใดควรใช้คำว่า "คณะรัฐมนตรี"
และเรื่องใดควรระบุชื่อส่วนราชการ
แนวทางการใช้ถ้อยคำ
คณะกรรมการกฤษฎีกา
(อนุกรรมการร่างกฎหมายชุดที่ 3 พร้อมด้วยกรรมการร่างกฎหมายชุดที่ 1 ชุดที่ 2 และชุดที่ 4 บางท่าน) ได้วางแนวทางการใช้ถ้อยคำดังกล่าวทั้งในร่างกฎหมายและในโอกาสต่าง
ๆ ดังนี้
"1.
คำว่า "รัฐบาล" นอกจากมีความหมายว่า
"ลักษณะการปกครองแห่งรัฐ" (Form of Polity) เช่น
รัฐบาลแบบสมบูรณาญาสิทธิราช หรือแบบรัฐธรรมนูญ เป็นต้น อันเป็นความหมายที่มักใช้ในทางวิชาการแล้ว
ยังมีความหมายที่ใช้กันทั่ว ๆ ไปอีก 2 นัยด้วย คือ
(ก)
หมายถึงรัฐในฐานะที่เป็นตัวแทนของประเทศชาติ เช่นคำว่า
"รัฐบาลไทย" ซึ่งพิมพ์ไว้ในธนบัตร และคำว่า "คลังออมสินของรัฐบาล.
........" ในมาตรา 1570 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เป็นต้น
(ข)
หมายถึงคณะบุคคลซึ่งปกครองประเทศโดยมีหน้าที่และความรับผิดชอบในอันที่จะดำเนินนโยบายของประเทศ
ได้แก่คณะรัฐมนตรีในฐานะที่บริหารกิจการในนามของรัฐ เช่น
ในข้อ 26 แห่งข้อบังคับการประชุมและการปรึกษาของสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2477 บัญญัติว่า "...การเสนอญัตติร่างพระราชบัญญัติใด ๆ ถ้ารัฐบาลเป็นผู้เสนอไม่ต้องมีผู้รับรอง" เป็นต้น
ในข้อ 26 แห่งข้อบังคับการประชุมและการปรึกษาของสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2477 บัญญัติว่า "...การเสนอญัตติร่างพระราชบัญญัติใด ๆ ถ้ารัฐบาลเป็นผู้เสนอไม่ต้องมีผู้รับรอง" เป็นต้น
2.
ดังนั้น คณะกรรมการกฤษฎีกาจึงเห็นควรวางระเบียบการใช้คำว่า "รัฐบาล" ดังต่อไปนี้
(ก)
ถ้าในกรณีใดมีความประสงค์จะให้มีความหมายเป็นประการหนึ่งประการใด คือ
ลักษณะการปกครองแห่งรัฐ (Form of Polity) รัฐในฐานะที่เป็นตัวแทนของประเทศชาติ
หรือคณะบุคคลซึ่งปกครองประเทศ ดั่งได้กล่าวแล้วข้างต้น ในกรณีเช่นนั้นก็ย่อมใช้คำว่า
"รัฐบาล" ได้ ถ้าหากมิได้มีความหมายดั่งกล่าวนั้น ก็ไม่ควรใช้คำว่า
"รัฐบาล"
(ข)
คำว่า "รัฐบาล" กับ "คณะรัฐมนตรี" ควรแยกใช้ให้ต่างกันเพราะถึงแม้คำว่า
"รัฐบาล" ในบางกรณีจะมีความหมายถึง "คณะรัฐมนตรี"
ได้ก็จริงแต่สองคำนี้ก็ยังมีความหมายแยกออกจากกันได้ ฉะนั้นถ้ากรณีใดมีความประสงค์จะหมายถึงคณะบุคคลซึ่งพระมหากษัตริย์ได้ทรงแต่งตั้งโดยได้รับความไว้วางใจจากสภาผู้แทนราษฎรให้บริหารกิจการของประเทศ
ในกรณีนั้นควรใช้คำว่า "คณะรัฐมนตรี"
เช่นคณะรัฐมนตรีไปในงานพระราชพิธีเป็นต้น แต่ถ้าในกรณีใดประสงค์จะหมายถึงคณะรัฐมนตรีในฐานะที่บริหารกิจการในนามของรัฐ
จะใช้คำว่า "รัฐบาล" ก็ได้
(ค)
ในบทกฎหมายที่จะประกาศใช้ต่อไปในภายหน้า ถ้ามีความประสงค์จะให้ราชการหน่วยใดหน่วยหนึ่ง
มีอำนาจหรือหน้าที่ปฏิบัติกิจการใด เป็นต้นว่าให้เป็นโจทก์หรือจำเลยในศาล
ซึ่งราชการหน่วยนั้นจะต้องกระทำในฐานะที่เป็นนิติบุคคล ก็ควรจะบัญญัติไว้ให้ชัดว่าให้อำนาจหรือหน้าที่เช่นนั้นแก่กระทรวงหรือกรมนั้น
ๆ ไม่ควรบัญญัติว่ารัฐบาลหรือคณะรัฐมนตรี ทั้งนี้
เพื่อมิให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการใช้ชื่อในการเป็นโจทก์หรือจำเลยในศาล"
ต่อมา กรมเลขาธิการคณะรัฐมนตรีมีหนังสือ ที่ ว.ว.
131/2485 ลงวันที่ 30 เมษายน 2485 แจ้งว่าคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและให้ทุกหน่วยงานถือปฏิบัติต่อไป
เผื่อไว้เรียกรัฐบาลหรือคณะรัฐมนตรีชุดต่อไปก็แล้วกันนะ...
ข้อมูลอ้างอิง
เรื่องเสร็จที่
116/2485
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น